posttoday

คลังหั่นจีดีพีปี 67 เหลือ 2.4% เหตุส่งออกหดตัวกว่าที่คาด-งบฯล่าช้า

29 เมษายน 2567

กระทรวงการคลัง ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 2567 จาก 2.8% เหลือโต 2.4% พิษส่งออกหดตัวลงกว่าคาด-ภัยแล้ง-งบประมาณล่าช้า คาดดิจิทัล วอลเล็ต ดันเศรษฐกิจไทย โตได้ 3.3%

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 อยู่ที่ 2.4% ช่วงคาดการณ์ที่ 1.9-2.9% ลดลงจากประมาณการเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 2.8% ต่อปี  ปัจจัยสำคัญ คือ การส่งออกสินค้าหดตัวมากกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมในไตรมาส1 ของปีนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังหดตัว สะท้อนจากดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) โดยเฉพาะในหมวดยานยนต์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ภาคการเกษตร ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และปรากฎการณ์เอลนีโญ และภาคการคลัง ที่ยังคงใช้การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน 

 

อย่างไรก็ตาม ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศอยู่ในระดับมั่นคง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.6% ต่อปี ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.1 ถึง 1.1 ตามการปรับตัวลดลงของราคาสินค้าอาหารบางกลุ่ม อีกทั้งราคาสินค้าในหมวดพลังงานที่ลดลงจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบริการมีแนวโน้มจะเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2567 มีแนวโน้มที่จะกลับมาเกินดุล 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น1.8% ของจีดีพี ทั้งนี้ คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นได้ในไตรมาส 2 ปี 2568 เนื่องจากมีเม็ดเงินจากภาครัฐ เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการลงทุนมากขึ้น 

คลังหั่นจีดีพีปี 67 เหลือ 2.4% เหตุส่งออกหดตัวกว่าที่คาด-งบฯล่าช้า

อย่างไรก็ตามการปรับประมาณการเศรษฐกิจในครั้งนี้ไม่ได้รวมผลของโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ตของรัฐบาล แต่หากรวมผลของมาตรการ ที่คาดว่าจะเริ่มใช้จ่ายเงินได้จำนวน 5 แสนล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/67 คือ เดือนต.ค.-พ.ย.-ธ.ค. 2567 ก็คาดว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยเฉพาะปี 2567 ให้เพิ่มขึ้นอีกราว 1.2-1.8% หรือเพิ่มขึ้น เป็น 3-3.3%

 

"ถ้าตัดยอดแค่ช่วงธ.ค.ปี 2567 คาดว่าภายในไตรมาส4 จะมีคนใช้จ่ายประมาณ 3.5 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นราว 1.2-1.8% และสนับสนุนให้จีดีพีเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 3% หรือมีโอกาสไปได้ถึง 3.3% แต่ถ้าไม่มีโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ปีนี้เศรษฐกิจก็จะโตอยู่ที่ 2.4%” นายพรชัยกล่าว

 

นายพรชัย กล่าวอีกว่า จากตัวเลขเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องส่งออกกับภาคอุตสาหกรรมที่ยังชะลอตัว ซึ่งจะมีการแถลงในวันพรุ่งนี้(29เม.ย.นี้) เชื่อว่าจะทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีข้อมูลเพื่อไปประกอบการพิจารณาได้ดีขึ้น และคาดว่าในการประชุมของ กนง. ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอย่างน้อย 0.25% ต่อปี 
 

 ส่วนสถานการณ์การอ่อนค่าเงินบาทนั้น มองว่าจะส่งผลดีและเป็นประโยชน์กับภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว ที่จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยมากขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 35.7 ล้านคน โดยในส่วนนี้คาดว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจีน ราว 7 ล้านคน สร้างรายได้ 1.59 ล้านล้านบาท ขยายตัว 29% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ในมุมของผู้นำเอง ก็ต้องมีการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนในมุมของการไหลเข้า-ออกของตลาดทุนนั้น มองว่าบาทอ่อนเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง แต่ปัจจัยหลักคือเรื่องความเชื่อมั่น ความมั่นใจในการถือครองหลักทรัพย์มากกว่า สะท้อนจากราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปลายปีเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นได้

 

อย่างไรก็ตาม ยังควรติดตามปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด อาทิ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่าง ๆ ที่เริ่มรุนแรงมากขึ้น อาจเป็นข้อจำกัดและส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป เช่น สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานให้ปรับตัวสูงขึ้น การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ  ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของประเทศคู่ค้าหลักและปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป และ การฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย โดยเฉพาะประเทศจีนจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์