posttoday

KBank ลุยจับคู่ธุรกิจ เพิ่มโอกาส SME ไทย

20 กรกฎาคม 2560

ปัจจุบันผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ไม่ได้ต้องการแค่การสนับสนุนทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการการสนับสนุนในเรื่องของเครื่องมือ ช่องทางในการเข้าและขยายตลาด และองค์ความรู้ในการทำธุรกิจด้วย

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

ปัจจุบันผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ไม่ได้ต้องการแค่การสนับสนุนทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการการสนับสนุนในเรื่องของเครื่องมือ ช่องทางในการเข้าและขยายตลาด และองค์ความรู้ในการทำธุรกิจด้วย

สุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำว่า ทั้ง 4 เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักในการเติบโตของเอสเอ็มอี และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เองก็เล็งเห็น จึงได้ร่วมกับพันธมิตรจัดงาน “SME Matching Day 2017 มหกรรมจับคู่ดี SME แห่งชาติ” ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้เจอกับคู่ค้าชั้นนำ ทั้งในช่องทางค้าปลีก-ค้าส่ง (โมเดิร์นเทรด) ช่องทางออนไลน์ และช่องทางต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า สร้างยอดขาย และเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นรากฐานธุรกิจที่สำคัญของประเทศ

“อีกปัญหาที่เอสเอ็มอีเจออยู่บ่อยๆ คือ คอนเนกชั่นในการขยายธุรกิจเข้าสู่โมเดิร์นเทรดต่างๆ เพราะขาดโอกาสในการเจอคู่ค้า KBANK จึงทำหน้าที่เป็นตัวกลางช่วยประสาน และสร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีได้เจอคู่ค้าในช่องทางต่างๆ ขณะเดียวกันโมเดิร์นเทรดก็มีโอกาสได้เลือกหาสินค้าใหม่ๆ นำไปวางจำหน่ายในช่องทางตลาดของตัวเองเพิ่มขึ้น” สุรัตน์ กล่าว

ปีนี้มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสมัครเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ในงาน SME Matching Day มากถึง 749 ราย และได้คัดเลือกเอสเอ็มอีที่ผ่านคุณสมบัติออกมาเหลือ 477 ราย ในจำนวนนี้มาลงทะเบียนแล้ว 442 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะมีโอกาสเข้าไปเจอกับคู่ค้าชั้นนำที่เป็นพาร์ตเนอร์ของธนาคารทั้ง 13 แห่ง ใน 3 ช่องทางหลัก

สุรัตน์ บอกว่า การคัดเลือกของธนาคาร ไม่ได้จำกัดหรือมองเฉพาะลูกค้าของธนาคารเท่านั้น แต่ยังเปิดกว้างให้ธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วไปสมัครเข้ามาได้ โดยธนาคารจะช่วยดูเบื้องต้นว่า สินค้าตัวนั้นมีความน่าสนใจพอหรือไม่ และต้องปรับปรุงอะไรก่อน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวสินค้า โดยปีนี้ตั้งเป้าความสำเร็จในการจับคู่ธุรกิจไว้ที่ 20% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 14-15% ที่ลูกค้าเอสเอ็มอีมีโอกาสได้เจอและจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าชั้นนำที่เป็นพันธมิตร

สินค้าเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ที่ได้รับคัดเลือกผ่านคุณสมบัติในการร่วมงาน Matching Day ปีนี้ อยู่ใน 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มอาหาร และกลุ่มยาเวชภัณฑ์ อาหารเสริม โดยช่องทางตลาดที่เอสเอ็มอีสนใจจับคู่เป็นกลุ่มโมเดิร์นเทรด แต่กลุ่มระหว่างประเทศก็เริ่มมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ระหว่างนี้เอสเอ็มอีที่ผ่านการคัดเลือกต้องเตรียมตัวในเรื่องของแพ็กเกจจิ้ง อายุสินค้าบนชั้นวางจำหน่าย แผนการตลาด ความสามารถในการผลิต โดยจะมีทีมที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายอื่น เพื่อเตรียมสินค้าให้พร้อมต่อไป

อย่างไรก็ดี ภายในงาน SME Matching Day 2017 จะมีการสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งวิธีการขยายตลาดสู่ตลาดซีแอลเอ็มวี จีน และตะวันออกกลาง และวิธีการสร้างยอดขาย เพื่อเป็นการติดอาวุธทางความรู้ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำไปใช้ อีกทั้งยังมีแคมเปญสินเชื่อพิเศษ

บอกเลยว่า งานนี้เอสเอ็มอีห้ามพลาดเด็ดขาด