‘คุณแม่จู้’ เคล็ดลับธุรกิจของฝาก
“คุณแม่จู้” แบรนด์สุดยอดของฝากจาก จ.ภูเก็ต ที่มีการสร้างธุรกิจจากร้านขนาดเล็กสู่การเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมผลักดันแบรนด์ขยายตลาดได้ทั่วประเทศ
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
“คุณแม่จู้” แบรนด์สุดยอดของฝากจาก จ.ภูเก็ต ที่มีการสร้างธุรกิจจากร้านขนาดเล็กสู่การเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมผลักดันแบรนด์ขยายตลาดได้ทั่วประเทศ รวมถึงมีการส่งต่อการทำธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างดี และทำให้องค์กรเติบโตต่อเนื่อง
“ธุรกิจมีการเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2482 ในสมัยคุณแม่จู้ คุณแม่หงวดจู้ สันติกุล ที่มีพรสวรรค์ในการทำอาหารอย่างมาก มีการสร้างสรรค์เมนูอาหารมากมาย มีรสชาติอาหารที่อร่อย หลังจากนั้นจึงได้เริ่มขยายธุรกิจและมีการพัฒนาธุรกิจเติบโตมากขึ้น” วันฤดี กล่าว
ในปี 2547 เกิดเหตุการณ์สึนามิ ใน จ.ภูเก็ต ส่งผลให้มุมมองการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป เพราะร้านจะมุ่งรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเปลี่ยนมุมมองการทำธุรกิจในเชิงลึกมากขึ้น โดยการขยายหาลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย
บริษัทจึงเปลี่ยนจากวิกฤตสู่โอกาส โดยการนำแบรนด์ “คุณแม่จู้” เข้าสู่ช่องทางการขายสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยการนำเข้าห้างค้าปลีก (โมเดิร์นเทรด) เพราะเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีสาขาจำนวนมาก ทำให้แบรนด์ขยายสินค้าสู่ลูกค้าได้มากขึ้น ธุรกิจขยายตัวทั้งในประเทศและการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ โดยปัจจุบันสินค้าวางจำหน่ายในร้านคุณแม่จู้ จ.ภูเก็ต จำนวนประมาณ 1,000 รายการแล้ว อีกทั้งช่องทางการจำหน่ายสินค้ายังขยายสู่ห้างหลายๆ แห่ง ทั้งในศูนย์การค้าสยามพารากอนและในช่องทางของคิง เพาเวอร์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
“วันฤดี” กล่าวต่อว่า ธุรกิจสามารถปรับตัวและรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ มาจากการที่องค์กรไม่หยุดนิ่งและมีการปรับตัวรับมือทุกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเมื่อเจอสถานการณ์หรือปัญหาความท้อแท้ในด้านต่างๆ ก็ไม่ได้ทำให้แบรนด์ถดถอยแต่อย่างใด แต่ทำให้แบรนด์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
“แบรนด์คุณแม่จู้” มีเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีแก่ลูกค้า และทำให้แบรนด์มีการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน รวมถึงมีการสืบทอดจากรุ่นต่อรุ่นต่อไป
“สิ่งที่คุณแม้จู้พูดไว้ตลอดและบริษัทก็ยึดเป็นหลักสำคัญมาต่อเนื่อง คือ การทำอาหารต้องอย่าไปทำตามคนอื่น ต้องทำตามสูตรของเรา ทำโดยการเลือกสรรวัตถุดิบที่ดี พร้อมใส่จิตวิญญาณเข้าไปในการทำอาหาร เหมือนการทำอาหารที่ดีให้แก่ลูกๆ ได้รับประทาน พร้อมกับทำอาหารที่มีกรรมวิธีที่ดี จึงได้อาหารที่เป็นรสเลิศแก่ลูกค้าทุกคน” วันฤดี กล่าวทิ้งท้าย