posttoday

‘4 อ.’ เคล็ดลับ ความสำเร็จแบบเจ๊จง

19 เมษายน 2560

หลายคนคงได้ยินชื่อ “หมูทอดเจ๊จง” ร้านขายหมูทอดและข้าวแกง ย่านพระราม 4

หลายคนคงได้ยินชื่อ “หมูทอดเจ๊จง” ร้านขายหมูทอดและข้าวแกง ย่านพระราม 4 ที่มีชื่อเสียงทั้งเรื่องรสชาติ ราคา และความอร่อย ปัจจุบันเจ๊จงขยายสาขาไปถึง 10 สาขา ขายหมูทอดกว่า 500 กิโลกรัม/วัน ทำรายได้วันละหลายแสนบาท จนได้รับฉายาว่า “หมูทอดร้อยล้าน”

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของเจ๊จง หรือ จงใจ กิจแสวง ไม่ได้มาจากความบังเอิญหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน เจ๊จงใช้ความพยายามอย่างหนักทั้งในเรื่องการปรับปรุงรสชาติ บริการ ไปจนถึงการเรียนรู้ในเรื่องการค้าขายอย่างสม่ำเสมอ มี “4 อ.” เป็นเคล็ดลับความสำเร็จ

เคล็ดลับที่ 1 คือ “อร่อย” ซึ่งเจ๊จงใช้เวลาในการปรับสูตรหมูทอดเรื่อยมา จนมาลงตัวที่ปัจจุบัน บวกกับความชำนาญในการทอดมาเป็น 10 ปี ทำให้ได้หมูทอดที่เหลืองทองกรอบ น่ากิน เจ๊จงเล่าให้ฟังว่าทุกวันนี้มีลูกค้าประจำเยอะมาก บางคนทานหมูทอดร้านนี้สัปดาห์ละ 6 วัน บางคนก็มาซื้อหมูทอดที่ร้านทั้ง เช้า กลางวัน เย็นก็มี ลูกค้าประจำของเจ๊จงมักพูดเสมอว่ากินหมูทอดที่อื่นรสไม่เหมือนที่นี่ เลยติดใจ

เคล็ดลับที่ 2 “อดทน” คติการทำงานของเจ๊จง มีอยู่ว่า “อดทน ขยัน ซื่อสัตย์” ในส่วนของความอดทนและขยัน คนที่ทำงานกับเจ๊จงจะรู้ดีว่าหากไม่ติดธุระสำคัญจริงๆ จะไม่เห็นวันไหนที่เจ๊จงไม่ทำงานเลย โดยกิจวัตรของเจ๊จงที่เห็นจนชินตา คือ ช่วงหนึ่งทุ่มเจ๊จงจะเริ่มสั่งของ ทุ่มกว่าก็เริ่มพักผ่อน ตื่นมาอีกทีตอนตีสองเตรียมหมูทอดและข้าวแกงในร้าน สักตีสามครึ่งลูกน้องเริ่มทอดหมูส่งไปสาขาต่างๆ ทอดทั้งวันจนถึงบ่าย

เจ๊จง เล่าให้ฟังว่า เจ๊ก็เหมือนคนปกติ บางเวลาไม่อยากทำงานแต่ด้วยความที่ต้องดูแลลูกน้องกว่า 200 ชีวิต จึงต้องอดทน ส่วนเรื่องความขยันคติของเจ๊คือ ที่จริงเจ๊ไม่ต้องลงมาทำงานก็ได้ แต่เจ๊อยากให้ลูกน้องเห็นแบบอย่างที่ดี เจ๊เลยขยันทำงานเพื่อเป็นแบบอย่างกับลูกน้อง ส่วนเรื่องความซื่อสัตย์ ในที่นี้เจ๊จงยึดถือความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าในแง่ที่ว่า ลูกค้าต้องได้ทานของดีมีราคาที่คุ้มค่าตามหลักคิดของร้านที่ว่า “ถูก ดี มีน้ำใจ” เจ๊จงจึงเลือกใช้แต่ของมีคุณภาพ ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งเจ๊ซื้อปลาหมึกที่ถูกแม่ค้า “ย้อมแมว” ขาย เจ๊ยอมทิ้งปลาหมึกทั้งหมดแล้วซื้อใหม่เพื่อให้ลูกค้าได้ทานของที่ดีจริง เป็นต้น

เคล็ดลับที่ 3 “เอาใจใส่” เจ๊จงเอาใจใส่คนรอบข้างโดยเฉพาะลูกค้าเป็นอย่างมาก สำหรับลูกค้าที่มาทานอาหารที่ร้านหมูทอดเจ๊จงคงจะทราบกันดีว่า ที่ร้านนี้สามารถเติมข้าวเพิ่มได้ฟรี ทานกล้วยน้ำว้าฟรี และเติมผักได้ฟรี ซึ่งแต่ละอย่างมีที่มาที่ไปจากการเอาใจใส่คนรอบข้างของเจ๊จงเอง

สำหรับที่มาของการเติมข้าวฟรีเพราะเจ๊เห็นว่าลูกค้ามักจะขอเพิ่มข้าวอยู่เสมอ เลยคิดว่ามีบริการเติมข้าวฟรีก่อนและหลังทานอาหารดีกว่า ถ้าทานอาหารแล้วกับเหลือสามารถเติมข้าวได้เสมอ ส่วนเรื่องกล้วยฟรี เจ๊เล่าว่า ตอนแกไปตลาด เห็นกล้วยมีราคาไม่สูงมาก เลยอยากช่วยแม่ค้าขายกล้วยด้วยการซื้อกล้วยทีละหลายเครือ สุดท้ายเรื่องผักฟรี มาจากตอนที่เจ๊ไปเฝ้าไข้สามีโรงพยาบาลแล้วเจ๊ก็ไม่สบายตามไปด้วย เจ๊เห็นว่าวันอาทิตย์คนป่วยที่โรงพยาบาลเยอะมาก เลยคิดว่าลูกค้ามากินแต่หมูทอดเราไม่ดีแน่ เลยเพิ่มผักเข้าไปเพื่อช่วยเสริมสุขภาพของลูกค้า

เจ๊มักสอนลูกน้องที่ร้านเสมอว่าลูกค้าคือคนสำคัญของเรา การที่จะทำให้ลูกค้าสักคนเชื่อใจเราแล้วมาทานอาหารที่เราตลอดไม่ใช่เรื่องง่าย “หมูทอดเจ๊จง” เลยพยายามเอาใจใส่ลูกค้าเสมอมา

เคล็ดลับที่ 4 “อบรม” เจ๊จงไม่เคยหยุดการเรียนรู้ แม้ว่าจะใช้เวลาในการบริหารงานที่ร้านข้าวแกงจนแทบไม่มีเวลาว่าง แต่เจ๊จงก็พยายามแบ่งสรรเวลาเพื่อมาเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เสมอ อย่างในตอนนี้เจ๊จงกำลังเรียนเรื่องการตลาดคอร์สสั้นๆ กับกูรูการตลาดชื่อดัง ซึ่งเจ๊จงเรียนรู้ทั้งเรื่องการสร้างแบรนด์ การทำแพ็กเกจจิ้งสินค้าทำหีบห่อสินค้าให้ดึงดูดลูกค้า สิ่งที่เรียนมาเจ๊จงนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองอยู่เสมอ

ล่าสุดเจ๊จงวางแผนว่า ในอนาคตอยากทำหมูทอดพร้อมทานราคาย่อมเยา ลูกค้าสามารถซื้อที่ไหนก็ได้ สามารถนำมาทอดเองและทานได้เลย ซึ่งนั่นหมายถึงในอนาคตอันใกล้นี้ “หมูทอดเจ๊จง” จะขยายจากร้านอาหารมาเป็นโรงงานเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีมากขึ้น