‘บูรพา พรอสเพอร์’ นวัตกรรมแป้งสำเร็จรูป
หนึ่งในนวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างให้แก่ตลาดเบเกอรี่อย่างมากกับ บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ ที่คิดค้นแป้งข้าวเจ้า ปราศจากกลูเต็น
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
หนึ่งในนวัตกรรมที่สร้างความแตกต่างให้แก่ตลาดเบเกอรี่อย่างมากกับ บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ ที่คิดค้นแป้งข้าวเจ้า ปราศจากกลูเต็น สามารถเข้ามาทดแทนกลุ่มแป้งสาลีได้ พร้อมกับสอดรับกับเทรนด์ตลาดโลก ที่ต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพและมีนวัตกรรมเพิ่มขึ้น
“วิสิทธิ์ ศุภเมธาพร” ผู้อำนวยการฝ่ายการค้า บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำธุรกิจในการผลิตแป้งข้าวเจ้ามาเป็นระยะเวลากว่า 40 ปีแล้ว โดยเมื่อทายาทรุ่นสองของธุรกิจ “สถาพร ไพศาลบูรพา” ซึ่งได้มองหาโอกาสที่จะนำแป้งข้าวเจ้าไทยสู่ตลาดโลก และเห็นแนวโน้มของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป พบว่า มีกระแสของผู้บริโภคที่นิยมอาหารปราศจาก กลูเต็น (Gluten-Free) เพราะกลูเต็นที่พบมากในแป้งสาลีส่งผลให้คนบางกลุ่มแพ้และไม่สามารถบริโภคได้ ดังนั้น บริษัทมีแนวคิดพัฒนาสินค้าแป้งข้าวเจ้าไทยปราศจากกลูเต็น ถือเป็นแป้งสำเร็จรูป และเหมาะสำหรับการทำเบเกอรี่ต่างๆ
แป้งสำเร็จรูปสำหรับการทำเบเกอรี่ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “Bakerise” ที่ได้พัฒนาสำเร็จ จึงสามารถนำไปทำอาหาร ทั้งเมนูวาฟเฟิล แพนเค้ก บราวนี่ เค้กปอนด์ มัฟฟิน ซอฟต์คุกกี้ พิซซ่า เป็นต้น ส่วนแป้งประเภทอื่นๆ อยู่ระหว่างการพัฒนา รวมถึงได้มีการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญอาหารระดับประเทศในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อทำให้ได้แป้งสำเร็จรูป ที่มีรสชาติดี อร่อย และทำได้อย่างง่าย เพื่อทำให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกมากที่สุด
“การพัฒนาผลิตภัณฑ์ แป้งข้าวเจ้า ปราศจากกลูเต็น บริษัทได้ใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 2 ปี จากทีมงานฝ่ายวิจัยภายใน รวมถึงมีการร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เชฟที่มีชื่อเสียง ในการพัฒนารสชาติ ความอร่อย รวมถึงความสะดวกในการทำ” วิสิทธิ์ กล่าว
สินค้าแป้งสำเร็จรูป สำหรับการทำเบเกอรี่ ที่ปราศจากกลูเต็น บริษัทได้รับรางวัลชนะเลิศ การออกแบบเชิงนวัตกรรม สาขาการออกแบบอาหาร จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช.ในปีล่าสุด มาสำเร็จ ถือเป็นสินค้าที่มีความแตกต่างและมีนวัตกรรม
สำหรับการขยายตลาดในช่วงแรก จะเน้นเจาะตลาดในประเทศก่อนโดยมุ่งตลาดออนไลน์ และห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมถึงการเข้าไปร่วมงานแสดงสินค้า หลังจากนั้นจะขยายตลาดสู่ต่างประเทศต่อไป โดยผลการทดลองตลาดในช่วงแรก ลูกค้าให้การตอบรับสินค้าในระดับที่ดี ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก จะเป็นคุณแม่ที่มีลูกเล็ก อายุประมาณ 3-8 ขวบ ที่แพ้แป้งสาลีและอาหารกลุ่มอื่นๆ รวมถึงกลุ่มผู้รักสุขภาพและกลุ่มผู้ชื่นชอบการออกกำลังกาย อีกทั้งมีการคิดค้นสูตร สำหรับผู้ที่แพ้นม เนย ไข่ ในชื่อสูตร ท็อป เอท ฟรี (Top 8 free) สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ไว้แล้ว
อีกทั้งในอนาคต สนใจจะพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่สู่ตลาดเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มขนมขบเคี้ยว เป็นต้น ซึ่งจะมุ่งพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในตลาดโลก
วิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นโยบายของบริษัท มุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยแนวคิดหลักขององค์กร จะเป็นเรื่อง “การสร้างสรรค์ คุณภาพด้วยนวัตกรรม” ที่ผ่านมา ได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อสร้างสินค้าที่ดี และสินค้าที่แตกต่างสู่ผู้บริโภค อีกทั้งองค์กรมีการมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมภายในอย่าง
ต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว พร้อมกับมุ่งทำให้พนักงานทุกคนมุ่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าอย่างต่อเนื่อง