posttoday

‘สมาร์ทไอดีกรุ๊ป’ ดีไซน์ นวัตกรรม สร้างธุรกิจแข็งแรง

26 ตุลาคม 2559

หนึ่งในสุดยอดเอสเอ็มอีแห่งชาติ ประจำปี 2559 จัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) คือ บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน 

หนึ่งในสุดยอดเอสเอ็มอีแห่งชาติ ประจำปี 2559 จัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) คือ บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป และบริษัทยังได้รับรางวัล “ใบโพธิ์ บิซิเนส อวอร์ด บาย ศศินทร์ (Bai Po Business Awards by Sasin) จัดขึ้นโดยธนาคาร ไทยพาณิชย์ ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีเดียวกันได้สำเร็จ

“พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป ผู้ผลิตและทำตลาด ผลิตภัณฑ์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไลฟ์สไตล์แบรนด์ แอนิเทค (Anitech) โนบิ (Nobi) โมโนเวทีฟ (Monovativ) และเพนทากอนซ์ (Pentagonz) เปิดเผยว่า ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ตนเองได้เริ่มก่อสร้างธุรกิจ มีเป้าหมายจะทำให้องค์กรเติบโตและมีคุณค่า จึงทำธุรกิจผลิตสินค้า อิเล็กทรอนิกส์ (คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์) โดยเริ่มธุรกิจจากการทำในสิ่งที่ยังไม่มีใครทำ หรือการทำธุรกิจในน่านน้ำบลูโอเชียน ซึ่งในช่วงแรกจะรับผลิตสินค้าให้แก่แบรนด์ต่างๆ ชั้นนำในต่างประเทศ

ต่อมาเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ลูกค้าที่เคยสั่งสินค้าจำนวนมาก ไม่ยอมสั่งสินค้าที่สั่งผลิตไว้ทำให้บริษัทเกิดปัญหาต้นทุนสต๊อกสินค้า จึงต้องปรับองค์กรใหม่มุ่งมาผลิตสินค้าแบรนด์ของตัวเอง เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และมีคุณค่าต่อลูกค้า พร้อมพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค สร้างสินค้าดีไซน์สร้างสรรค์

“อยากแนะนำแบรนด์เอสเอ็มอีที่กำลังเป็นผู้รับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ควรมีทางออกให้แก่ธุรกิจหากคู่ค้าหายไป จะสร้างรายได้ให้ธุรกิจได้อย่างไร เพื่อทำให้ธุรกิจเดินต่อไป ผมเคยผ่านวิกฤตมาแล้ว แต่ปรับแผนและขยายธุรกิจต่อไป โดยไม่มีการลดคน” พิชเยนทร์ กล่าว

ผลดังกล่าวทำให้แบรนด์เติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทมีระบบประเมินองค์กร ที่เรียกว่า โอเคอาร์ (OKR) โดยสตาร์ทอัพรุ่นใหม่นิยมใช้ระบบ โอเคอาร์ จำนวนมาก ซึ่งเป็นระบบประเมินพนักงานจากความสามารถและผลงาน ทำให้ทุกคนสามารถเป็นหัวหน้าได้ และไม่จำกัดที่วุฒิการศึกษา

รวมทั้งการทำงานมุ่งให้ทุกคนเหมือนอยู่ครอบครัวเดียวกัน พนักงานจึงมีความสุขในการทำงาน อีกทั้งบริษัทมุ่งส่งเสริมให้พนักงานมีการอบรม (เทรนนิ่ง) อย่างไม่จำกัด พร้อมกับมีการส่งเสริมให้พนักงานได้รับทุนการศึกษาในสถาบันต่างๆ

พิชเยนทร์ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่องค์กรมุ่งให้ความสำคัญอย่างมากในการบริการธุรกิจตลอดมาคือ สร้างสินค้ามีดีไซน์ โดยบริษัทมีทีมดีไซน์ภายใน มุ่งให้ความสำคัญกับการทำนวัตกรรม พัฒนาสินค้าให้หลากหลาย เพื่อทำให้ลูกค้าทุกคนรู้สึกว่า สินค้าที่ได้รับมีมูลค่าและมีความคุ้มค่ามากกว่าจำนวนเงินที่ซื้อสินค้าไป ซึ่งแต่ละปีบริษัทจะผลิตสินค้าจำนวนกว่า 1.5 ล้านชิ้น ต่อมาคือ การมีประกันสินค้า แตกต่างจากแบรนด์อื่นประเทศทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นกับแบรนด์

ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายตลาดไปในภูมิภาคอาเซียนหลายประเทศแล้ว โดยกำลังขยายสู่ประเทศจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งแต่ละประเทศจะมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย พร้อมกันนี้วางเป้าหมายว่า ในปี 2563 จะขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกประเทศในอาเซียน ซึ่งการขยายตลาดแต่ละประเทศจะปรับสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งมีเป้าหมายนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในปี 2560

“พิชเยนทร์” กล่าวต่อว่า ได้วางเป้าหมายองค์กรระยะยาว จะสร้างแบรนด์สู่ผู้นำในภูมิภาค ภายใต้การมีสินค้าหลากหลาย มีคุณภาพ ดีไซน์ นวัตกรรมโดดเด่น และผลิตสินค้าตรงกับความต้องการของลูกค้า