posttoday

ยกเครื่องเอสเอ็มอีแบงก์

29 กันยายน 2559

เอสเอ็มอีแบงก์ รับลูกยุค 4.0 เตรียมประสานแบงก์รัฐปล่อยกู้สร้างสตาร์ทอัพและเกษตรพันธุ์ใหม่

เอสเอ็มอีแบงก์ รับลูกยุค 4.0 เตรียมประสานแบงก์รัฐปล่อยกู้สร้างสตาร์ทอัพและเกษตรพันธุ์ใหม่

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบนโยบายจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เรียกผู้บริหารกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ หารือเรื่องแนวนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วงที่เหลืออีก 1 ปีของรัฐบาล ให้เร่งเรื่องการปฏิรูปองค์กรและสร้างองค์กรให้เข้มแข็งมุ่งสู่การเป็นรัฐวิสาหกิจ 4.0 โดยธนาคารจะประสานความร่วมมือกับธนาคารรัฐทุกแห่งในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือ ได้แก่ สินเชื่อสตาร์ทอัพที่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมต่างๆ ให้ผู้ประกอบการเหล่านี้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคง

นอกจากนี้ จะออกโครงการสินเชื่อเกษตรเอสเอ็มอีเน้นปล่อยกู้ผู้ประกอบการที่ต้องการแปรรูปสินค้าเกษตร โดยจะต้องหาผู้ประกอบการต้นแบบที่สามารถมาสร้างแรงกระตุ้นในการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ประกอบการทั่วไปให้เห็นประโยชน์ของการปรับปรุงคุณภาพสินค้า การคิดต่อยอด และสร้างนวัตกรรม เมื่อทำแล้วจะประสบความสำเร็จ เช่น ชาใบหม่อนถ้าปลูกขายเป็นชาขายได้กิโลกรัมละ 12 บาท แต่ถ้านำมาเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางราคาเพิ่มเป็น 2 หมื่นบาท/กิโลกรัม

ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 นี้ ฝ่ายจัดการได้ปรับกระบวนทัพเพิ่มเติมเน้น 5 ด้าน เสริมแกร่งและมุ่งสู่ธนาคารเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการเต็มรูปแบบ ได้แก่ 1) ด้านพัฒนาระบบการให้บริการ 2.ด้านพัฒนาบุคลากรให้เป็นนักพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs 3.ด้านฐานะทางการเงินที่มั่นคงยั่งยืน 4.ด้านพัฒนาผู้ประกอบการและส่งเสริมการตลาดเพื่อช่วยเหลือ SMEs และ 5.ด้านพัฒนาองค์กรให้เข้มแข็งด้วยจริยธรรมธรรมาภิบาล เพื่อรองรับภารกิจที่จะตอบสนองนโยบายของรัฐบาลไปสู่มือผู้ประกอบการอย่างเต็มกำลัง

สำหรับผลดำเนินงานล่าสุดหลังกระทรวงการคลังอนุมัติเงินเพิ่มทุนให้ 1,000 ล้านบาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ล้านบาท สามารถขยายสินเชื่อได้ 12 เท่า หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยกู้ได้กว่า 1 แสนล้านบาท จากยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ได้เบิกจ่ายไปแล้วกว่า 2.19 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ 3.5 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ณ สินเดือน ส.ค. 2559 อยู่ที่ 1.94 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 21.66% ซึ่งคาดว่าเอ็นพีแอลจะลดต่ำกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้