posttoday

“คาฟโบ” พลิกตลาด เฟอร์นิเจอร์สัตว์เลี้ยง

28 สิงหาคม 2558

จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ถูกครีเอฟใหม่ กลายเป็นสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง แบรนด์ คาฟโบ ที่ช่วยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นให้แก่กระดาษลูกฟูก

วราภรณ์ เทียนเงิน

จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ถูกครีเอฟใหม่ กลายเป็นสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง แบรนด์ คาฟโบ ที่ช่วยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นให้แก่กระดาษลูกฟูกได้หลายเท่า และเป็นแบรนด์ใหม่ ที่กระตุ้นตลาดสัตว์เลี้ยงให้คึกคักขึ้นหลายเท่า
 
“ขวัญชนก อมรธนานุบาล” ผู้อำนวยการ บริษัท คาฟโบ และเจ้าของแบรด์ คาฟโบ (Kafbo) เปิดเผยว่า แรงบันดาลใจจากการพัฒนาสินค้า สำหรับสัตว์เลี้ยงและที่ข่วนเล็บของแมว มาจากการที่ตนเองได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง และอยากสร้างสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมทั้งมาจากการไปเดินทางในต่างประเทศทำให้พบสินค้าเทรนด์ใหม่ จึงเกิดแรงบันดาลใจนำ กระดาษลูกฟูก สินค้าจากโรงงานที่เป็นธุรกิจครอบครัว มาต่อยอด เป็น เฟอร์นิเจอร์ที่ข่วนเล็บแมว และได้เปิดตัวสินค้าเข้ามาทำตลาดประมาณสองปีที่ผ่านมาแล้ว ถือเป็นแบรดน์แรกๆ ในไทย
 
สำหรับการนำกระดาษลูกฟูกของโรงงาน มาผลิตเป็นสินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยง เพราะสินค้าของโรงงานมีความทนทาน แข็งแรง มีคุณภาพ ซึ่งการออกแบบก็ได้ให้ดีไซเนอร์จากต่างประเทศมาร่วมออกแบบ และตนเองก็ร่วมแนะนำดีไซน์ รวมทั้งยังทำให้สินค้าเป็น กรีนโปรดักส์ อย่างแท้จริง ที่เป็นผลดีต่อลูกค้าและแมว เพราะวัสดุและส่วนประกอบต่างๆ ของสินค้ามีความปลอดภัยและเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
 
คอลเลคชั่นแรกคือ 9Lifersหรือ แมวเก้าชีวิต โดยมี แบบลูกปลาวาฬ สร้างยอดขายได้สูดสุด หลังจากนั้นปีต่อมา ได้ออกคอลเลคชั่นใหม่ บ้านแมว ที่ปรับดีไซน์ของสินค้าให้เป็น ชิ้น ที่สามารถต่อและออกแบบให้เป็นบ้านให้แมวได้เอง และปรับเปลี่ยนแบบบ้านแมวได้หลายแบบ
 
สิ่งสำคัญที่บริษัทมุ่งให้ความสำคัญต่อมา การไม่หยุดนิ่งสร้างสรรค์สินค้าใหม่ โดยกำลังพัฒนาสินค้าจากกระดาษลูกฟูก ให้มีน้ำหนักเบามากขึ้น และสร้างสินค้าที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะสัตว์เลี้ยงอย่างแมว แต่กำลังสร้างสินค้าใหม่สำหรับสุนัข จะเปิดตัวได้ในระยะต่อไป
 
ในอนาคต สินค้าจากกระดาษลูกฟูก ก็มีโอกาสขยายตลาดไปยังจนถึง สินค้าจากเฟอร์นิเจอร์ จากจุดแข็งของกระดาษลูกฟูกของโรงงานที่มีความแข็งแรง อีกทั้งกระดาษลูกฟูก มีจุดเด่นแตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ คือมีน้ำหนักเบา ขนย้ายได้ง่าย จึงมีความสะดวก และเป็นสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทพร้อมมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
 
“ขวัญชนก” กล่าวต่อว่า การทำธุรกิจที่ผ่านมา เป็นระยะเวลาสองปี หลังจากสินค้าเป็นที่รู้จักในตลาดแล้ว ก็เริ่มมีแบรนด์อื่น ผลิตสินค้าออกมาในรูปแบบเดียวกัน ทำให้แบรนด์ต้องเร่งปรับดีไซน์ใหม่ และพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยแม้ว่าจะมีการแข่งขันเพิ่มขึ้นและมีแบรนด์จากต่างประเทศมาทำตลาด แต่เชื่อว่า จะเป็นผลดีกับบริษัทที่ทำให้พัฒนาสินค้ามากขึ้น
 
“เราลงทุนทำธุรกิจด้วยเงินลงทุนส่วนตัว เริ่มทำตลาดผ่านการแนะนำให้เพื่อนใช้ และใช้ช่องทางออนไลน์ทำตลาด ร่วมงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง จนกระทั่งเพจชื่อดังอย่าง ทูนหัวของบ่าว ได้เห็นสินค้า จึงสนใจนำรูปไปโพสต์ ทำให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้น เกิดยอดลูกค้าสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ถือเป็นเรื่องที่เราไม่คาดคิดมาก่อน ต่อมาได้เข้าร่วมออกงานแสดงสินค้าระดับใหญ่ของประเทศ BIG&BIH 2014 ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นผลดีอย่างมากส่งผลให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และขยายไปถึงลูกค้าต่างประเทศ” ขวัญชนก กล่าว
 
อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา ก็มีช่วงที่สินค้ายอดขายชะลอตัวลงบ้าง แต่ทำให้บริษัทก็ต้องปรับกลยุทธ์ทำธุรกิจ หาช่องทางกระจายสินค้าให้มากขึ้น และได้ออกงานแสดงสินค้าต่างๆ รวมทั้งมีมุ่งดีไซน์ เพื่อสร้างความแตกต่าง รวมถึงในปีนี้ยอดขายก็ไม่ได้ปรับลดลงตามเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากนัก สินค้ายังสร้างยอดขายได้เติบโตอยู่
 
 
“แบรนด์ไม่หยุดนิ่ง ที่จะพัฒนา และสร้างดีไซน์ใหม่ รวมทั้งมุ่งใช้นวัตกรรม มาพัฒนาธุรกิจ พร้อมสร้างสรรค์สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงแบบใหม่ๆ” ขวัญชนก กล่าว
 
แผนปีต่อไป จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดปีละ 1 คอลเลคชั่น เชื่อว่าโอกาสของตลาดยังไปคงสดใส เพราะในประเทศไทย กลุ่มคนที่เลี้ยงแมว มีจำนวนสูงมาก และคนที่นิยมอยู่คอนโดมิเนียมก็หันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแมวมากขึ้น และยังเกิดกระแส Cat ‘cafe ในประเทศเพิ่มขึ้น สินค้าจึงมีโอกาสไปได้ดีระยะยาว
 
รวมถึงตลาดในต่างประเทศ ที่สนใจส่งออกไปในต่างประเทศ ซึ่งกำลังหารือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้ง ประเทศ สหรัฐ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้จะสามารถเริ่มส่งออกได้ และในปีนี้ประเมินว่า ยอดขายจะเติบโตได้ในระดับน่าพอใจ
 
“ขวัญชนก” กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากแนะนำสำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจ ต้องวางแผนทำธุรกิจก่อน มีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน และต้องเป็นกลุ่มที่ซื้อสินค้าอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อเจออุปสรรคอย่าท้อถอย ต้องสู้ และพัฒนาต่อ พร้อมมองหาโอกาสเพื่อต่อยอดธุรกิจ
 
ข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย มีทิศทางเติบโตดี โดยในปีที่ผ่านมา มีมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น อาหารสัตว์เลี้ยง มูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ธุรกิจบริการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท และธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง มูลค่า 5,000 ล้านบาท ถือเป็นตลาดที่มีอนาคต อีกทั้ง แบรนด์ คาฟโบ ที่ใช้นวัตกรรมและดีไซน์ นำตลาด จะช่วยกระตุ้นตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงให้เติบโตสูงขึ้น
 
แนวคิดของแบรนด์
 
-สร้างสินค้าสัตว์เลี้ยงมีดีไซน์
 
-มีสินค้าใช้งานทนทาน
 
-มีฟังก์ชั่นหลากหลาย