ภาษีทุบผู้ค้าออนไลน์

นายกพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ชี้กรมสรรพากรรีดภาษีผู้ค้าออนไลน์ กระทบอี-คอมเมิร์ซ 2.4 แสนล้าน ไม่โตตามเป้า

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทยมูลค่า 2.4 แสนล้านบาท ในช่วง 9 เดือนข้างหน้า การเติบโตมีโอกาสชะลอตัวลง จากเดิมคาดการณ์ว่าทั้งปีตลาดเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%

ทั้งนี้ ปัจจัยลบกระทบตลาดอี-คอมเมิร์ซมาจากการที่กรมสรรพากรวางแนวทางการจัดเก็บภาษีกับผู้ค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ โดยกำหนดให้ต้องจดทะเบียนธุรกิจเพื่อเสียภาษีอย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ ยังสั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและล่อซื้อสินค้าออนไลน์ด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ค้าออนไลน์หันไปใช้แพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสในตลาดต่างประเทศมากกว่าจะใช้แพลตฟอร์มจากไทย โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์รายเล็กจำนวนมากที่มีรายได้ปีละไม่ถึง 10 ล้านบาท ส่วนร้านค้าออนไลน์สำหรับบุคคลธรรมดา อย่างร้านค้ารายเล็กๆ รายได้ไม่ถึงปีละ 1.8 ล้านบาท ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สำหรับกรณีรายได้เกินปีละ 1.8 ล้านบาท จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวต 7% ในฐานะสมาคมมองว่า การมีร้านค้าออนไลน์ที่แจ้งเกิดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายกลางรายย่อย หรือเอสเอ็มอี สมาร์ทฟาร์เมอร์ ที่กำลังขยายช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ แต่การจัดเก็บภาษีจะทำให้กลุ่มดังกล่าวอยู่ลำบาก

นายภาวุธ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการผลักดันให้ร้านค้าออนไลน์จดทะเบียนธุรกิจเพื่อเข้าสู่ระบบที่ถูกต้อง แต่ในเรื่องของการจัดเก็บภาษีนั้น ต้องการให้กรมสรรพากรหาแนวทางร่วมกันกับสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยมากกว่า เพื่อหาทางออกร่วมกันสนับสนุนร้านค้าออนไลน์รายเล็ก การจัดเก็บภาษีเป็นแนวทางทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ แต่ธุรกิจออนไลน์ก็เป็นหนึ่งดิจิทัลอีโคโนมี่ร่วมผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตเช่นเดียวกัน