'อาร์เอส'เปิดรับธุรกิจใหม่ มากกว่าเพลง-สื่อ-ความงาม

โดย...จะเรียม สำรวจ

เตรียมปรับโครงสร้างภายในอีกครั้งสำหรับบริษัท อาร์เอส หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปรับใหญ่ไปแล้วครั้งหนึ่ง และตามด้วยครั้งย่อยอีกหลายครั้ง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะพฤติกรรมการฟังเพลง จึงทำให้บริษัท อาร์เอส ต้องหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี พร้อมกับเปิดกว้างรับธุรกิจที่มีศักยภาพเข้ามาอยู่ในพอร์ตการดำเนินธุรกิจ

จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันภาพลักษณ์ของบริษัท อาร์เอส เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเพลงสู่ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจสื่อ และเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ พร้อมกับต่อยอดธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ล่าสุดบริษัท อาร์เอส ได้มีการแตกไลน์ธุรกิจออกเป็น 3 ขา ประกอบด้วย ธุรกิจสื่อ ธุรกิจเพลง และธุรกิจสุขภาพและความงาม

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้จะแบ่งธุรกิจออกเป็น 3 ขา คือ กลุ่มธุรกิจสื่อ  กลุ่มธุรกิจเพลง และกลุ่มธุรกิจสุขภาพกับความงาม โดยในส่วนของธุรกิจสื่อจะประกอบไปด้วย ธุรกิจฟรีทีวี คือ ช่อง 8 ซึ่งปัจจุบันถือเป็นธุรกิจสำคัญที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท เนื่องจากมีจำนวนผู้ชมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาเริ่มไหลเข้ามาสู่ช่อง 8

อีกธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มสื่อ  คือ แซทเทิลไลท์ทีวี ปัจจุบันดำเนินงานอยู่ 3 ช่อง คือ ช่องสบายดีทีวี ช่องยูชาแนล และช่อง 2 ซึ่งทั้ง 3 ช่องสามารถเลี้ยงตัวเองได้ แม้ว่าปัจจุบันภาพรวมธุรกิจแซทเทิลไลท์ทีวีจะอยู่ในภาวะชะลอตัว นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจสื่อในส่วนของวิทยุอีก 1 คลื่น คือ  คลื่นคูล ฟาเรนไฮต์ 93 ซึ่งปัจจุบันมีรายได้เป็นอันดับ 1 ของธุรกิจคลื่นวิทยุ

สำหรับกลุ่มธุรกิจเพลง แม้ว่าปัจจุบันจะให้ความสำคัญลดลง แต่ก็ถือว่าเป็นคอนเทนต์ที่บริษัท อาร์เอส มีความแข็งแกร่ง เนื่องจากสามารถนำมาต่อยอดเพื่อหารายได้ในด้านอื่นๆ ได้อีกหลายทางไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการบริหารศิลปิน การทำโชว์บิซ หรือการทำอีเวนต์ ซึ่งปัจจุบันถือว่าตลาดมีความต้องการสูง ส่วนกลุ่มธุรกิจสุขภาพและความงาม ถือเป็นธุรกิจน้องใหม่ที่ทำภายใต้บริษัท ไลฟ์สตาร์ หลังจากมีการนำกลุ่มสินค้าความงามแบรนด์ มาอีก เข้ามาทำตลาดแมสและทำกิจกรรมการตลาดพร้อมโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากมีการพัฒนาช่องทางการทำตลาดเพิ่มขึ้น

สุรชัย กล่าวว่า ทุกๆ ก้าวที่จะเดิน บริษัทจะต้องมีแต้มต่อ ซึ่งแนวทางทำธุรกิจจากนี้ จะให้ความสำคัญทุกกลุ่มธุรกิจ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนธุรกิจระยะยาว 3 ปี เพื่อผลักดันให้ธุรกิจไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ คาดจะชัดเจนปลายปีนี้ และส่วนหนึ่งจะเป็นการปรับภาพลักษณ์จากธุรกิจเพลงไปเป็นสื่อ

ทั้งนี้ เหตุผลที่ทำให้บริษัท อาร์เอส ประสบความสำเร็จและฝ่าฟันอุปสรรคมาจนถึงทุกวันนี้ได้ คือ การกล้าที่จะทิ้งธุรกิจที่ไม่ดีไป เพราะองค์กรที่มีขนาดใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเสมอไป ดังนั้นธุรกิจไหนที่ไม่เป็นประโยชน์ บริษัท อาร์เอส ก็พร้อมที่ลดขนาดให้เล็กลง เพื่อความคล่องตัว เพราะบางทีธุรกิจขนาดเล็กก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้ได้ดีกว่าธุรกิจขนาดใหญ่

สุรชัย กล่าวต่อไปว่า “หลักในการทำงานของเฮีย คือ การอยู่กับงานทุกวัน อะไรที่มันดีอยู่แล้วเราก็ทำให้มันดียิ่งขึ้น อะไรที่ไม่ดี เราก็ต้องแก้ไขหรือตัดสินใจทิ้งมันไป อะไรที่ใหญ่แล้วได้เปรียบเราก็ต้องคงความใหญ่ไว้ การทำงานทุกอย่างต้องมีการวิเคราะห์ และอย่าไปยึดติดกับมัน ขณะเดียวกันก็ต้องเปิดกว้าง และมองทุกธุรกิจเป็นโอกาส”

หลังจากบริษัท อาร์เอส มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ ด้วยการแบ่งธุรกิจออกเป็น 3 ขา ปัจจุบันธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้ คือ ธุรกิจสื่อ  คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 70% ตามด้วยธุรกิจสุขภาพและความงามมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 20% และธุรกิจเพลงมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 10% 

ขณะที่ภาพรวมรายได้ของบริษัท อาร์เอส ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 4,500 ล้านบาทเล็กน้อย เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคยังชะลอตัว จึงทำให้รายได้ปรับลดลง

อย่างไรก็ดี จากศักยภาพของธุรกิจสื่อที่ยังสามารถขยายตัวได้อีกมากโดยเฉพาะช่อง 8 ซึ่งถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เนื่องจากมีผู้ชมและมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจแซทเทิลไลท์ทีวี ก็มีการปรับคอนเทนต์ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ชม นอกจากนี้ยังมีคลื่นคูล ฟาเรนไฮต์ 93 ที่สร้างรายได้เป็นอันดับ 1 ในธุรกิจคลื่นวิทยุ บริษัท อาร์เอส จึงยังขอปั้นกลุ่มธุรกิจสื่อสร้างรายได้หลักในอนาคต