โรงแรมไทยบุกมัลดีฟส์ ไมเนอร์-เซ็นทรัลลุย 4 ดาว
หากโรงแรมไทยประสบความสำเร็จในมัลดีฟส์เพิ่มขึ้น จะมีส่วนสำคัญทำให้ชื่อของโรงแรมไทยเป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลกมากขึ้น
โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์
สาธารณรัฐมัลดีฟส์จัดเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่เครือโรงแรมไทยต่างก็พร้อมใจเดินหน้าไปขยายโรงแรมกันคึกคัก เพราะเป็นจุดหมายท่องเที่ยวอมตะที่คนทั่วโลกใฝ่ฝันอยากเดินทางไป ขณะเดียวกันการไปลงทุนโรงแรมในมัลดีฟส์ก็มีโอกาสสร้างรายได้สูงมาก เพราะค่าที่พักในมัลดีฟส์สูงกว่าในไทย กลุ่มที่เดินทางไปมัลดีฟส์ส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสูง
จากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวประเทศมัลดีฟส์ ระบุว่า ปี 2558 มัลดีฟส์มีนักท่องเที่ยวเดินทางไป 1.23 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีนักท่องเที่ยว 1.2 ล้านคน ขณะที่อัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ในระดับ 69% ลดลงจากปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ 74.1% จำนวนวันพักเฉลี่ยอยู่ที่ 5.7 วัน ลดลงจากปี 2557 อยู่ที่ 6.1 วัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการท่องเที่ยวประเทศมัลดีฟส์คาดการณ์ไว้ว่าปี 2559 จะมีนักท่องเที่ยว 1.31 ล้านคน ปี 2560 จะเพิ่มเป็น 1.42 ล้านคน และปี 2561 จะเป็น 1.54 ล้านคน ด้านจำนวนห้องพักที่มีอยู่ในมัลดีฟส์ สิ้นปี 2558 มีที่ลงทะเบียนไว้ทั้งหมด 568 แห่ง รวม 3.28 หมื่นเตียง ในจำนวนนี้เป็นรีสอร์ท 112 แห่ง 2.42 หมื่นเตียง และโรงแรม 18 แห่ง 1,682 เตียง ที่เหลือเป็นที่พักประเภทอื่นๆ
สำหรับเครือโรงแรมไทยที่มีโรงแรมในมัลดีฟส์ในปัจจุบัน เช่น 1.ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล มี 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ที่เปิดให้บริการแล้ว และโรงแรมดุสิตเดวาราณา มัลดีฟส์ อยู่ระหว่างก่อสร้างและจะเปิดให้บริการในอนาคต 2.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มี 6 แห่ง ได้แก่ โรงแรมอนันตรา เวลิ รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์, อนันตรา ดิห์กู รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์, อนันตรา คิฮาวาห์ วิลล่าส์ มัลดีฟส์, นาลาดู มัลดีฟส์ โดย อนันตรา, นิยามา โดย เปอร์ อควัม และฮูวาเฟน ฟูชิ โดย เปอร์ อควัม
3.เซ็นทรัล ฮอสพิทาลิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล (ซีเอชไอ) มี 2 แห่ง คือ เซ็นทาราแกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ และเซ็นทารา ราส ฟูชิ
รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ และ 4.ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป มี 1 แห่ง คือ อมารี ฮาวอดด้า มัลดีฟส์
ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มไมเนอร์มีโรงแรมอยู่ในประเทศมัลดีฟส์แล้ว 6 แห่ง ทั้งหมดเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่มองว่ายังมีศักยภาพจะไปขยายโรงแรมในมัลดีฟส์ได้อีกสำหรับโรงแรมระดับ 4 ดาว ซึ่งไมเนอร์อาจจะนำแบรนด์อวานีไปขยายตลาดเพิ่มเติม
สาเหตุที่มองการลงทุนโรงแรม 4 ดาวในมัลดีฟส์ เนื่องจากตลาดชนชั้นกลางเริ่มไปเที่ยวมัลดีฟส์มากขึ้น ซึ่งเมื่อกลุ่มนี้เริ่มไปเที่ยวก็คงจะไม่ไปพักโรงแรมระดับ 5 ดาว เนื่องจากในมัลดีฟส์มีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวแพง ดังนั้นกลุ่มชนชั้นกลางจะมุ่งไปที่โรงแรม 4 ดาว ทำให้ความต้องการโรงแรม 4 ดาวสูง ขณะที่ปัจจุบันโรงแรมหลักๆ ในมัลดีฟส์จะเป็นระดับ 5 ดาวทั้งสิ้น เพราะมองมัลดีฟส์เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับตลาดระดับบน ส่วนโรงแรม 4 ดาวที่มีในมัลดีฟส์ก็เป็นโรงแรมที่ไม่ได้มีแบรนด์ระดับนานาชาติ แต่เป็นแบรนด์ระดับภูมิภาคหรือท้องถิ่น
นอกจากนั้น การที่ไมเนอร์มีโรงแรมในมัลดีฟส์อยู่แล้ว 6 แห่ง และไมเนอร์ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรนำเครื่องบินน้ำ (ซีเพลน) มาให้บริการกับลูกค้าที่ต้องการเดินทางไปยังโรงแรมทั้ง 6 แห่งที่มีอยู่ ดังนั้นหากจะลงทุนสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว ก็สามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกเดิมที่ได้ลงทุนไว้แล้วได้ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการลงทุนโรงแรม 4 ดาวได้ต่ำกว่านักลงทุนอื่นๆ โดยคาดว่าใน 3 ปีข้างหน้าจะมีโรงแรม 4 ดาวในมัลดีฟส์ได้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างมองหาเกาะในมัลดีฟส์ที่อยู่ใกล้สนามบินในประเทศของมัลดีฟส์อยู่ 2-3 เกาะ เพราะหากเป็นเกาะที่อยู่ไกลเกินไปต้องเดินทางด้วยเครื่องบินน้ำจะทำให้ต้นทุนการเที่ยวแพงเกินไป ขณะที่ในมัลดีฟส์มีเกาะกว่า 1,100 เกาะ ยังมีโอกาสอีกมาก
ด้านต้นทุนการก่อสร้างโรงแรมในมัลดีฟส์ ประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 1.5 แสนเหรียญสหรัฐ/ห้อง หรือประมาณ 5.25 ล้านบาท ส่วนค่าห้องพักที่สามารถทำได้น่าจะอยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐ/คืน หรือ 1.4 หมื่นบาท/คืน แต่ต้องลงทุนขั้นต่ำ 200 ห้อง และทำอัตราเข้าพักให้ได้ในระดับ 70% เพื่อให้คุ้มค่าเงินลงทุน
ดิลลิป กล่าวว่า นอกจากลงทุนโรงแรมในมัลดีฟส์แล้ว ในศรีลังกาก็เป็นอีกจุดหมายที่ขยายมาก โดยไมเนอร์มีโรงแรมอวานีแล้ว 2 แห่ง และเพิ่งเปิดตัวอนันตรา ศรีลังกา ไปเมื่อเดือน ธ.ค. 2558 และเตรียมเปิดอนันตราแห่งที่ 2 ในศรีลังกาปีนี้ โดยศรีลังกาถือเป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่น่าจะแข็งแกร่งในอนาคต เป็นผลจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มที่ต้องการค้นหาจุดหมายท่องเที่ยวใหม่ที่ไม่เคยไปจะเดินทางไปในศรีลังกามากขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ นักท่องเที่ยวยุโรป ตะวันออกกลาง และจีน
ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือซีเอชไอ กล่าวว่า อัตราเข้าพักโรงแรมในเครือที่มัลดีฟส์อยู่ในระดับกว่า 90% ตลอด ทั้งโรงแรมระดับ 5 ดาว และ 4 ดาว ก็มียอดเข้าพักดีทั้งคู่ ซึ่งในอนาคตซีเอชไอมองว่ายังมีโอกาสดีที่จะขยายโรงแรมในมัลดีฟส์ได้อีกทั้งในระดับ 4 ดาว และ 5 ดาว เพียงแต่การลงทุนในโรงแรมทั้งสองแบบต่างกัน
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะขยายโรงแรมในมัลดีฟส์ 2-3 แห่ง ซึ่งน่าจะเป็นโรงแรมเซ็นทาราระดับ 4 ดาวทั้งหมด โดยขณะนี้หาเกาะได้แล้ว เป็นเกาะที่สามารถนั่งเรือไปได้ ซึ่งแต่ละแห่งสร้างภายใต้แนวคิดที่ต่างกัน โดยแห่งแรกที่ขยายกำลังวางแนวคิดอยู่น่าจะเกิดขึ้นได้ในปี 2562
สำหรับสาเหตุที่มุ่ง 4 ดาว เพราะเป็นระดับโรงแรมที่ขายง่ายกว่า โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวมขณะนี้อาจจะทำให้คนที่มาเที่ยวมัลดีฟส์ปรับเปลี่ยนมาใช้โรงแรมระดับ 4 ดาวแทน 5 ดาวมากขึ้น โดยการลงทุนโรงแรม 4 ดาวจะต่างกับ 5 ดาว ต้องเน้นหาเกาะที่อยู่ใกล้กับเมืองที่สุดเพื่อให้เดินทางได้โดยนั่งเรือมา เสียค่าใช้จ่ายไม่มาก เพราะหากเป็นเกาะที่อยู่ไกลเมือง ต้องนั่งเครื่องบินน้ำมาจะมีต้นทุนการท่องเที่ยวที่สูงกว่ามาก ไม่เหมาะกับกลุ่มที่ต้องการพักโรงแรม 4 ดาว
หากโรงแรมไทยประสบความสำเร็จในมัลดีฟส์เพิ่มขึ้น จะมีส่วนสำคัญทำให้ชื่อของโรงแรมไทยเป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลกมากขึ้นด้วย ถือว่าเป็นผลดีกับโรงแรมไทยในประเทศอื่น และที่สำคัญที่สุดดีต่อชื่อเสียงของประเทศไทย ที่คนทั่วโลกจะได้รู้ว่าธุรกิจบริการไทยมีศักยภาพที่โดดเด่นไม่แพ้ชาติใดในโลก