posttoday

มิตซูบิชิปั้นไทยโกย1.8หมื่นล.

14 มกราคม 2559

มิตซูบิชิย้ำให้ความสำคัญไทยมากที่สุดในอาเซียน แม้เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังน่าเป็นห่วง

มิตซูบิชิย้ำให้ความสำคัญไทยมากที่สุดในอาเซียน แม้เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังน่าเป็นห่วง

นายยาซูชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังผันผวน ประกอบกับราคาหุ้นอยู่ในภาวะขาลง ส่งผลให้บริษัทยังคงต้องดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวัง แต่อย่างไรก็ตามจากการที่ภาครัฐมีมาตรการต่างๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค เชื่อว่าภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคในปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะน่าเป็นห่วง แต่บริษัทก็เชื่อว่าภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในสิ้นปีนี้น่าจะเติบโตได้ที่ประมาณ 5-10% ใกล้เคียงกับปี 2558 ที่เติบโต 5% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ซึ่งนอกจากจะเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งในส่วนของเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พัดลม และปั๊มน้ำ เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทยังมีแผนจะเปิดศูนย์บริการแต่งตั้งและศูนย์บริการเครือข่ายเพิ่มขึ้นอีก 9 แห่ง รวมเป็น 143 แห่งในสิ้นปีนี้ ภายใต้งบลงทุนแห่งละ 20 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะสำนักงานบริการทั้งก่อนและหลังการขายสำหรับกลุ่มลูกค้าโครงการอีก 2 แห่งในปีนี้ที่ จ.ระยอง และอุดรธานี จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการ 2 แห่ง ที่ จ.ภูเก็ต และเชียงใหม่

"ในส่วนของงบลงทุนในปีนี้ บริษัทได้เตรียมงบ 1,010 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งนี้เพื่อสื่อสารแบรนด์และสินค้าใหม่ๆ ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งในส่วนของงบดังกล่าวถือว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่ผ่านมา เนื่องจากการแข่งขันในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้ามีความรุนแรง" นายยาซูชิ กล่าว

นายยาซูชิ กล่าวอีกว่า กลุ่มสินค้าที่บริษัทจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในปีนี้ ยังคงเป็นในส่วนของเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเป็นสินค้าที่สร้างสัดส่วนรายได้หลักให้กับบริษัทคิดเป็น 61% ตามด้วยพัดลม 12% แพ็กเกจเครื่องปรับอากาศ 10% ปั๊มน้ำ 8% พัดลม 5% เครื่องระบายอากาศ 1%

ทั้งนี้ จนถึงสิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้ 1.55 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีรายได้ 1.45 หมื่นล้านบาท และในปี 2563 จะมีรายได้อยู่ที่ 1.8  หมื่นล้านบาท ส่วนภาพรวมรายได้ของกลุ่มคาดว่าจะอยู่ที่ 5 ล้านล้านเยน เพิ่มจากปี 2558 ที่มีรายได้ 4.35 ล้านล้านเยน