"ฉัตรชัย"พบพิรุธสั่งรื้อสวนส้มเชียงใหม่

รมว.เกษตรแจงเหตุรื้อสวนส้มเชียงใหม่ยึดพื้นที่คือกว่า5พันไร่พบพิรุธจับเกษตกรทำพันธะสัญญานายทุนเดิม

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์  ได้มีเอกสาร ชี้แจงยาว 5หน้า กรณีมีข่าวว่ารื้อสวนส้มใหญ่เชียงใหม่ไม่เป็นธรรมโดยระบุว่า เป็นการยืดที่ดินคืนจากนายทุนสวนส้มโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 คำสั่งที่ 36/2559 โดยสวนส้มยอมสละที่ดินคืนจาก 3 บริษัทรวมเนื้อที่กว่า  5 พันกว่าไร่ และมีการดำเนินการเตรียมจัดให้กับเกษตรกรตามแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(คทช.)  กำหนด

ทั้งนี้ในเอกสาระบุว่าหลังจากยึดที่ดินได้มีการหารือกับเอกชนเจ้าของสวนส้ม ที่กังวลเรื่องการทำลายสวนส้มกระทบเศรษฐกิจและการจ้างงาน   อีกทั้งการทำสวนส้มเป็นพืชสวนที่ต้องดูแลพิเศษในขณะที่ที่เกษตรกรที่จะเข้ามาก็มีข้อจำกัดด้านเงินทุนและที่อยู่อาศัย  กระทรวงเกษตรฯโดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร(สปก.)จึงได้มีการทำที่ดินโดยการจัดโซนที่อยู่ให้เกษตรกรและแนวกันชนยาฆ่าแมลงและโรคระบาด  และให้เกษตรกรที่เข้ามาอยู่ทำเกษตรในแปลงดังกล่าวเป็นเกษตรพันธะสัญญากับเอกชนที่ต้องการซื้อส้ม

“จึงมีการเจรจาระหว่างสวนส้ม และ ส.ป.ก. โดยทางสวนส้มยินดีที่จะยกสวนส้มพร้อมอาคาร ระบบสาธารณูปโภค และ สิ่งอํานวยความสะดวกต่างๆ ให้ ส.ป.ก. เพื่อนําไปจัดสรรให้เกษตรกรได้ดําเนินกิจการสวนส้มในรูปแบบสหกรณ์การเกษตร โดย เกษตรกรเป็นผู้บริหาร/ผู้ใช้ประโยชน์จากสวนส้มต่อไป ซึ่งสวนส้มจะรับซื้อผลผลิตจากสหกรณ์การเกษตรที่จัดตั้งขึ้นในรูปแบบเกษตรพันธะสัญญา“ เอกสารระบุ

ทั้งนี้ สปก.จะจัดให้เกษตรกรได้ 300 ราย จึงต้องจัดพื้นที่สวนส้ม 5,958 ไร่ ดังนี้

1. พื้นที่พักอาศัยพร้อมพื้นที่ทําการเกษตรทฤษฎีใหม่ รวม 600 ไร่ 2. พื้นที่ Buffer Zone เพื่อป้องกันยาฆ่าแมลง/โรคระบาด รวม 176 ไร่  3.พื้นที่ที่จะเป็นถนน/พื้นที่ส่วนกลาง 4.พื้นที่แหล่งน้ํา รวม 352 ไร่ 5.พื้นที่สวนส้ม เหลือ 4,061 ไร่ 6. ทั้งนี้พื้นที่บางส่วนมีอยู่แล้ว แต่พื้นที่บางส่วนต้องถากถางสวนส้ม เนื้อที่ 947 ไร่ ซึ่งได้เลือกพื้นที่ที่เป็นต้นส้ม

แหล่งข่าวระบุว่าจากการชี้แจงจะพบว่ามีปมน่าสนใจคือ ทำไมต้องเป็นสวนส้ม และเกษตรกรที่จะเข้ามา  300  รายคือใคร เพราะก่อนหน้ามีการตั้งข้อสังเกตว่าจังหวัดไม่ปัญหาความขัดแย้งเรื่องคนที่จะมารับสิทธิ์มากเพราะมีการนำคนของสวนส้มมาขอรับสิทธิ์ เสมือนเป็นนอมินีให้ เพราะที่จริงสปก.ควรรื้อสวนและให้เกษตรกรที่อิสระในการทำกินมากกว่าจับทำพันธะสัญญา ซึ่งควรจับตามต่อไปว่าเกษตรกรที่จะมาเป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่