posttoday

รฟท.ปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟรุ่นใหม่เที่ยวละ150-200บาท

16 สิงหาคม 2560

รฟท.ปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟรุ่นใหม่ 150-200 บาท ต่อเที่ยว มีผลตั้งแต่ 21 ส.ค.เพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

รฟท.ปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟรุ่นใหม่ 150-200 บาท ต่อเที่ยว มีผลตั้งแต่ 21 ส.ค.เพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า การรถไฟฯ จะปรับขึ้นค่าโดยสารรถรุ่นใหม่ 115 คัน จำนวน 8 ขบวน ในอัตรา 15-20% หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 150-200 บาทต่อเที่ยว มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. นี้ เป็นต้นไป

อัตราค่าโดยสารใหม่จะสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะรถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คัน ได้เพิ่มบริการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร เช่นหน้าจอแอลซีดี ห้องน้ำระบบปิด การทำความสะอาดและกำจัดแมลงถี่ขึ้น เป็นต้น ขณะเดียวกันก็จะทำให้การรถไฟฯ มีกำไรเล็กน้อย แต่ราคาใหม่ก็ยังเป็นอัตราที่ผู้โดยสารรับได้และสามารถแข่งขันกับขนส่งระบบอื่นได้ด้วย

สำหรับรถโดยสารรุ่นใหม่ 115 คัน เริ่มเปิดให้บริการใน 4 เส้นทางมาตั้งแต่วัน 11 พ.ย. 2559 และเก็บค่าโดยสารในอัตราโปรโมชั่นมาถึงปัจจุบัน คือ รถนอนปรับอากาศชั้น 2 มีอัตราค่าโดยสารระหว่าง 731-945 บาทต่อเที่ยว และรถนอนปรับอากาศชั้น 1 มีอัตราค่าโดยสาร 1,120-1,594 บาทต่อเที่ยว

ที่ผ่านมาผู้โดยสารก็ให้การตอบรับรถรุ่นใหม่เป็นอย่างดี มีอัตราการบรรทุกเฉลี่ยอยู่ที่ 75-80% สูงกว่าอัตราการบรรทุกผู้โดยสารภาพรวมของการรถไฟฯ ในปี 2559 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 69-70%

นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศทไย เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. นี้เป็นต้นไป ร.ฟ.ท. จะปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟรุ่นใหม่ 115 คัน เฉลี่ย 100-200 บาทต่อที่นั่ง ทั้ง 4 เส้นทางที่เปิดให้บริการ คือ เส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงใหม่, กรุงเทพฯ–อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ-หนองคาย และ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ 

การปรับค่าโดยสารจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ รถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 1 จะขึ้นราคาเฉลี่ยไม่เกิน 200 บาทต่อที่นั่ง และรถปรับอากาศนั่งและนอนชั้นที่ 2 จะปรับขึ้นราคาเฉลี่ยไม่เกิน100 บาทต่อที่นั่ง เพื่อปรับให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงของการให้บริการ เนื่องจากรถโดยสารขบวนใหม่มีต้นทุนทางด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากขึ้น เช่น ระบบห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบายมากขึ้น ระบบห้องน้ำแบบปิด บริการจอทีวี และบริการเสริมอื่นๆ

“เราเปิดให้บริการรถไฟโดยสารรุ่นใหม่มาตั้งแต่เดือน พ.ย. ปี 2559 โดยจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราที่ต่ำ เพราะเป็นช่วงโปรโมชั่นเพื่อให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการ ซึ่งขณะนี้ก็ให้บริการมารวมเป็นเวลา 9 เดือนแล้ว ร.ฟ.ท. เห็นควรว่าจะต้องปรับขึ้นราคาเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ เพราะรถไฟโดยสารรุ่นใหม่ มีตลาดเฉพาะกลุ่มที่พอมีกำลังซื้อ ส่วนรถขบวนเดิมยังไม่มีการปรับราคาแต่อย่างใด” นายทนงศักดิ์กล่าว

นายทะนงศักดิ์ กล่าวถึงอัตราการบรรทุกผู้โดยสารของรถรุ่นใหม่หลังเปิดให้บริการมากว่า 9 เดือนว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้บริการโดยขณะนี้มีอัตราบรรทุกในฤดูท่อเที่ยวสูงถึง 85-90% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายอัตราบรรทุกทั้งปีที่คาดการณ์ ส่วนนอกฤดูท่องเที่ยวมีอัตราบรรทุกเฉลี่ย 70-80% ซึ่งถือว่าน่าพอใจ คาดว่าเฉลี่ยทั้งปีนี้จะสูงกว่า 80% แน่นอน อย่างไรก็ตาม ร.ฟ.ท. มีแผนที่จะขยายเสน้ทางการให้บริการเพิ่มเติมอีกภายใน3ปี หลังจากการก่อสร้างทางคู่แล้วเสร็จ เพราะจะทำให้สามารถเพิ่มความถี่ในการโดยสารได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับอัตราค่าโดยสารปัจจุบันของแต่ละเส้นทางและแต่ละประเภท มีดังนี้

1.เส้นทางกรุงเทพ - เชียงใหม่ - กรุงเทพ ประเภทรถนอนปรับอากาศชั้น 2 อัตราค่าโดยสารราคา 791-881 บาท และประเภทรถนอนปรับอากาศชั้น 1 อัตราค่าโดยสารราคา 1,253-1,453 บาท

2.เส้นทางกรุงเทพ-อุบลราชธานี-กรุงเทพ ประเภทรถนอนปรับอากาศชั้น 2 อัตราค่าโดยสารราคา 731-821 บาท ประเภทรถนอนปรับอากาศชั้น 1 อัตราค่าโดยสารราคา 1,120-1,320 บาท

3.เส้นทางกรุงเทพ - หนองคาย - กรุงเทพ ประเภทรถนอนปรับอากาศชั้น 2 อัตราค่าโดยสารราคา 748-838 บาท ประเภทรถนอนปรับอากาศชั้น 1 อัตราค่าโดยสารราคา 1,157-1,357 บาท

4.เส้นทางกรุงเทพ – หาดใหญ่ - กรุงเทพ ประเภทรถนอนปรับอากาศชั้น 2 อัตราค่าโดยสารราคา 855-945 บาท ประเภทรถนอนปรับอากาศชั้น 1 อัตราค่าโดยสารราคา 1,394-1,594 บาท