เคาะรถไฟจีนก.ค. เปิดพีพีพีดึงลงขัน
ชง สศช.เคาะรถไฟไทย-จีน ก่อนเสนอ ครม.เดือน ก.ค. เปิดพีพีพีดึงเอกชนลงทุนปากช่อง-สีคิ้ว หวังไฮสปีดปั้นส่งออกจีนโตต่อเนื่อง
ชง สศช.เคาะรถไฟไทย-จีน ก่อนเสนอ ครม.เดือน ก.ค. เปิดพีพีพีดึงเอกชนลงทุนปากช่อง-สีคิ้ว หวังไฮสปีดปั้นส่งออกจีนโตต่อเนื่อง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 มิ.ย. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะนัดประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เฟส 1 เส้นทาง กรุงเทพฯนครราชสีมา ระยะทาง 252.5 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 179,412 ล้านบาท หากได้รับความเห็นชอบ จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติโครงการในเดือน ก.ค. ซึ่งล่าช้ากว่าเป้าหมายเดิมที่จะเสนอในเดือน มิ.ย. แต่ยังคงกรอบเวลาเดิมที่จะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน ก.ย.
สำหรับโครงการรถไฟไทย-จีน จะเริ่มก่อสร้างจากกรุงเทพฯ สิ้นสุดที่ จ.หนองคาย รวมระยะทางทั้งสิ้น 603 กิโลเมตร โดยจะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯนครราชสีมา ระยะทาง 250 กม. และระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย 350 กม.
"ยืนยันว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์กับไทย เนื่องจากปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย โดยไทยส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 20% หากมีการเชื่อมต่อการเดินทางก็จะช่วยสนับสนุนทั้งการส่งออกและวัตถุดิบ สินค้า รวมถึงไปถึงการท่องเที่ยวระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้นด้วย" นายอาคม กล่าว
ทั้งนี้ แนวเส้นทางในการก่อสร้างส่วนใหญ่ 80% จะใช้แนวทางรถไฟเดิมที่มีอยู่แล้ว ส่วนอีก 20% อาจจะต้องมีการเวนคืนที่ดินบางส่วน เพื่อปรับแนวเส้นทางโค้งให้ตัดเป็นทางตรงเพื่อให้รถไฟความเร็วสูงสามารถวิ่งได้สะดวก ทั้งนี้อาจจะต้องมีการเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม และอีกบางส่วนจะต้องขอเข้าใช้พื้นที่ของกรมป่าไม้ และพื้นที่เหมืองแร่
นายอาคม กล่าวว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่าฝ่ายไทยจะเป็นผู้บริหารการเดินรถเองทั้งหมด แม้กระทั่งคนขับรถเปิดให้บริการวันแรกก็ต้องเป็นคนไทย รวมไปถึงสิทธิในการพัฒนาที่ดินบริเวณ 2 ข้างทางและบริเวณโดยรอบสถานี รฟท.จะเป็นเจ้าของสิทธิ
ขณะที่ประเด็นเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีนั้น ขอยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญไม่ได้ละเลย มีการพูดคุยตั้งแต่การประชุมครั้งแรก และในร่างสัญญาได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ทั้งเทคนิคการก่อสร้างเทคนิคการเดินรถ รวมถึงการฝึกอบรมในขณะปฏิบัติงาน (โอเจที) โดยให้บุคลากรไทยประกบกับเจ้าหน้าที่จีน เพื่อเรียนรู้วิธีการออกแบบ วิธีคุมงาน วิธีขับรถ และบำรุงรักษา