posttoday

สต๊อกข้าวไทยลดเลิกกดดันราคา

13 มิถุนายน 2560

นบข.โชว์สต๊อกข้าวไทยลดฮวบ ปลดล็อกปัญหากดดันราคาตลาดโลก รับอานิสงส์ความต้องการเพิ่มราคาปรับเพิ่มต่อเนื่อง

นบข.โชว์สต๊อกข้าวไทยลดฮวบ ปลดล็อกปัญหากดดันราคาตลาดโลก รับอานิสงส์ความต้องการเพิ่มราคาปรับเพิ่มต่อเนื่อง

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานให้ นบข.ทราบถึงภาวะราคาข้าวไทยในตลาดโลกว่าได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหลายประเทศการผลิตลดลงเพราะประสบปัญหาภัยแล้ง เช่น อินเดีย สหรัฐ ส่งผลให้สต๊อกข้าวรัฐของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถระบายได้รวดเร็ว"กรมการค้าต่างประเทศและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเดินสายหาตลาดขายข้าวและเป็นผลงานของรัฐบาลที่สามารถระบายข้าวออกไปได้มาก ทำให้แรงกดทับราคาข้าวหายไป ตอนนี้พูดได้ว่าสต๊อกข้าวไทยไม่เป็นแรงกดดันต่อราคาข้าวในตลาดโลก จะไม่มีข้าวสำรองในประเทศไทยมาก ผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวประเมินว่าราคาข้าวไทยจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากตอนนี้ไปจนถึงปลายปี" น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าว

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า สต๊อกข้าวของรัฐได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องล่าสุดเหลืออยู่ 2.86 ล้านตัน แยกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ข้าวเกรดบริโภคได้เหลืออยู่ 1.6 แสนตัน 2.กลุ่มบริโภคไม่ได้ต้องขายเข้าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ 2.2 ล้านตัน และ 3.ขายเข้าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ไม่ได้ 5 แสนตัน ซึ่งเป็นการลดลงจากสต๊อก ณ สิ้นปี 2559 ที่ 3.17 ล้านตัน 3.82 ล้านตัน และ 1.8 ล้านตัน ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กรมการค้าต่างประเทศได้ประกาศระบายข้าวในกลุ่มที่ 2 ทั้งหมด 2.2 ล้านตัน ซึ่งใน วันที่ 13 มิ.ย.นี้ จะทราบจำนวนที่มีเข้ามาซื้อออกไป ซึ่งเท่าไหร่จะยกยอดทั้ง 3 กลุ่มไปเปิดประมูลอีกครั้งในเดือน ก.ค. ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้รับอนุมัติจาก นบข.ในการประชุมครั้งนี้แล้ว

ทั้งนี้ คาดว่าเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้จะสามารถเคลียร์สต๊อกข้าวของรัฐให้จบได้แน่นอน จะไม่เหลือสต๊อกค้างอีกแล้ว แต่ส่วนของการปิดบัญชีจำนำข้าวนั้นจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุดปิดบัญชีที่กระทรวงการคลังดูแลอยู่ ซึ่งต้องไปดูทั้งเรื่องการดำเนินการคดีต่างๆ ด้วย ซึ่งขณะนี้ยังมีอีก 9.4 ล้านตัน ซึ่งเป็นส่วนที่ทั้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) และองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้รับข้าวเข้าคลังมาจะต้องไปหาว่าข้าวส่วนนี้อยู่ที่ใด ซึ่งบางส่วนก็อยู่ในกระบวนการทางศาลแล้ว แต่สำหรับตัวเลขขาดทุนจากโครงการจำนำข้าวนั้นคงไม่สามารถนำตัวเลขซื้อกับขายมาลบกันแล้วได้ตัวเลขขาดทุนเพราะยังต้องรวมค่าเก็บรักษา รมยาและค่าดอกเบี้ยเข้าไปด้วยซึ่งส่วนนี้มีมากพอสมควร

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สรุปผลการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาข้าวในช่วง 3 ปีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งในด้านการขายข้าวนั้น สามารถขายข้าวผ่านรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับรัฐบาล 3 ประเทศ ในช่วง 3 ปี ปริมาณรวม 3.46 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 5.05 หมื่นล้านบาท ได้แก่ จีน 1.9 ล้านตัน อินโดนีเซีย 6.55 แสนตัน และฟิลิปปินส์ 9 แสนตัน โดยได้ส่งมอบเสร็จสิ้นแล้ว ยกเว้นสัญญากับจีนในปี 2558 ปริมาณ 1 ล้านตัน ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างส่งมอบข้าวงวดที่ 4 ยังคงเหลือข้าวปริมาณ 6 แสนตัน ที่จะต้องดำเนินการส่งมอบให้เสร็จสิ้นต่อไป

ขณะที่การขายข้าวในรูปแบบเอกชนต่อเอกชน (พีทูพี) ได้มีการนำคณะภาคเอกชนเดินทางไปประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดคู่ค้าสำคัญ เช่น ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งสามารถทวงแชมป์ตลาดข้าวในฮ่องกงกลับคืนมาได้ หลังเสียให้กับเวียดนาม โดยในปี 2559 ฮ่องกงนำเข้าข้าวจากไทยเป็นอันดับ 1 ปริมาณ 3.3 แสนตัน คิดเป็นสัดส่วน 60% ของการนำเข้าข้าวฮ่องกงทั้งหมด และในปี 2560 (ม.ค.-เม.ย.) ฮ่องกงนำเข้าข้าวจากไทยปริมาณ 7.33 หมื่นตัน เพิ่มขึ้น 7.77% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามีปริมาณนำเข้า 6.76 หมื่นตัน