posttoday

"สมคิด"ปลุกเอกชนสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจประเทศ

04 มิถุนายน 2560

“สมคิด”แนะเอกชนปรับตัวรับสถานการณ์โลกเปลี่ยน ยกระดับเอสเอ็มอีพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ดันจีดีพีประเทศ

“สมคิด”แนะเอกชนปรับตัวรับสถานการณ์โลกเปลี่ยน ยกระดับเอสเอ็มอีพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ดันจีดีพีประเทศ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมใหญ่หอการค้าภาค 5 ภาค ประจำปี 2560 เรื่อง “ก้าวต่อไปในการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ (Local Economy)” ว่า ในรอบปีที่ผ่านมาโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภาคเอกชนจะต้องเตรียมความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ผู้ประกอบการต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก

ขณะเดียวกันการทำงานของภาคเอกชน นำโดยหอการค้า ต้องให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก มีการเชื่อมโยงการทำงานกับประชาคมท้องถิ่น ซึ่งต้องการให้หอการค้าประสานความร่วมมือการทำงานกับโครงการของ นพ.ประเวศ วะสี สร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจฐานราก นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาขับเคลื่อนชุมชน

“การจัดงานไทยเฟล็กซ์ปีนี้ พบว่าเอสเอ็มอีไทยเข้าร่วมจำนวนมาก สะท้อนภาพได้ว่าเอกชนไทยปรับตัวในการประกอบธุรกิจที่ดี การนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนา แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีของไทยเคยต่ำถึง 0.8% เมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้ามาจีดีพีของไทยก็ขยายตัวถึง 3.3% แสดงให้เห็นว่าการเข้ามาของรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ทำให้จีดีพีลดลง ตามที่บางคนโจมตีว่าทำให้ประเทศถูกลดความน่าเชื่อถือ แต่ทำให้จีดีพีดีขึ้น หลายประเทศยังสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย”นายสมคิด กล่าว 

ทั้งนี้ จากบทเรียนที่ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกเพื่อดันจีดีพีให้ขยายตัวขึ้น ภาครัฐต้องเน้นส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง โดยหอการค้าจะต้องเชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวที่ต้องเชื่อมโยงกันในพื้นที่ให้ครบทุกภาคส่วนครบวงจร ซึ่งจะทำให้พื้นที่กลุ่มจังหวัดนั้นๆ มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงการใช้นโยบายจัดเก็บภาษีของรัฐบาลว่าหลายๆ นโยบายอาจยังไม่สมเหตุสมผล เช่น แนวคิดการจัดเก็บภาษีจากเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการลงทุนของรัฐหรือภาษีลาภลอยจริง เพราะจะกระทบกับประชาชนที่อยู่อาศัยและประกอบธุรกิจขนาดเล็ก รวมทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีสัญญาณการฟื้นตัวในทุกภูมิภาค ทั้งสหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น ทุกประเทศฟื้นตัวในเชิงคุณภาพ ทั้งนี้จากการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ยืนยันภาพรวมการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทยจะเติบโตได้ถึง 3.6% เนื่องจากช่วงไตรมาส 3 และ 4 ภาคการส่งออกมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

ด้านการลงทุนในช่วงไตรมาส 3-4จะเห็นภาพการกลับเข้ามาลงทุนของภาคเอกชน การผลักดันการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น นับจากนี้ 2-3 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจไทยต้องเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% ถึงจะอยู่รอดในยุคเศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0 และสามารถแข่งขันกับชาติอาเซียนที่ทุกประเทศเติบโตไม่น้อยกว่า 5-7% ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพการเติบโตได้ถึง 4.5% ได้ด้วยตัวเอง

“เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการเก็บยอดการใช้จ่ายสั่งซื้อรถผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นที่จะใช้จ่าย แต่ความรู้สึกของคนไทยอาจมองว่ายังไม่ดี แต่ทุกๆ ตัวจะปรับตัวดีขึ้น”นายธนวรรธน์ กล่าว