ลุยพัฒนาสนามบิน รับ20ปีคนใช้เพิ่ม
"อาคม" เร่งแผนพัฒนาสนามบินหลังไออาต้าประเมินไทยติด 1 ใน 10 ที่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการสนามบินสูงสุดในอีก 20 ปี
"อาคม" เร่งแผนพัฒนาสนามบินหลังไออาต้าประเมินไทยติด 1 ใน 10 ที่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการสนามบินสูงสุดในอีก 20 ปี
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมการบริหารจัดการภาคพื้น ครั้งที่ 30 โครงการสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของวงการการบินทั่วโลก ว่า รัฐบาลมีแผนลงทุนโครงสร้าง พื้นฐาน โดยเฉพาะการพัฒนาท่าอากาศยาน (สนามบิน) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต ซึ่งทางไออาต้ามีการประเมินในอีก 20 ปีข้างหน้านับจากนี้ สนามบินของไทยจะติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึงผู้โดยสารเดินทางมาใช้บริการสุงสุด โดยต้องการให้ประเทศไทยเร่งขยายพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และสนามบินอื่นๆ รองรับแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว
ทั้งนี้ แนวทางการพัฒนาท่าอากาศยานจะเน้นใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การเพิ่มกำลังผลิตรองรับในแต่ละสนามบิน รองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น 2.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริการภาคพื้นดิน การขนถ่ายสัมภาระให้เกิดประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ช่วยให้สายการบินให้บริการเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น และ 3.การนำเทคโนโลยี เช่น หุ่นยนต์มาใช้ในขั้นตอนตรวจ คนเข้าเมืองมากขึ้น เพื่อลดความแออัดของผู้โดยสาร และ 4. การพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงได้ชี้แจงให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมรับทราบว่ารัฐบาลได้ดำเนินการลงทุนด้านโครงสร้าง พื้นฐานรองรับการเดินทางของนัก ท่องเที่ยวและผู้โดยสาร รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านการบินภาคพื้นดิน ซึ่งไทยอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของไออาต้าในเดือน มิ.ย. และโครงการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบิน (ยูโซฟ) ในเดือน ก.ค.นี้ ล่าสุดมีสายการบินที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว 3 สายการบิน และมั่นใจว่าไทยจะผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานไออาต้าและสามารถปลดล็อกธงแดงได้ตามกำหนดเวลา
สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบสายการบิน ซึ่งสายการบินไทยสมายล์มีแนวโน้มไม่สามารถจัดทำแผนแล้วเสร็จได้ตามกำหนดเวลา ในเรื่องนี้ทุกสายการบินต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จทันต่อเวลา โดยเฉพาะสายการบินไทยสมายล์มีฝูงบินเพียง 20 ลำ ขณะที่การบินไทยมีฝูงบินเกือบ 100 ลำ ยังสามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนดระยะเวลา ดังนั้นไทยสมายล์ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเช่นกัน