posttoday

กฟผ.โล่งไฟพีกต่ำกว่าเป้าหมาย

19 พฤษภาคม 2560

กฟผ.ชี้ ไฟฟ้าพีกปีนี้ ต่ำกว่าที่คาด เหตุฝนมาเร็วส่งผลต้นทุนค่าไฟฟ้าลด ลุ้นไม่กระทบค่าเอฟที

กฟผ.ชี้ ไฟฟ้าพีกปีนี้ ต่ำกว่าที่คาด เหตุฝนมาเร็วส่งผลต้นทุนค่าไฟฟ้าลด ลุ้นไม่กระทบค่าเอฟที

นายเริงชัย คงทอง ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ของปีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ระดับ 30,303 เมกะวัตต์ ต่ำกว่าปีที่แล้วที่ไฟฟ้าพีกอยู่ที่ระดับ 30,900 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าทั้งปีนี้ไฟฟ้าพีกน่าจะอยู่ที่ระดับดังกล่าวไม่สูงไปกว่านี้ เนื่องจากขณะนี้เริ่มมีฝนตกในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ฝนมาเร็วกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้

"ตอนนี้ กฟผ.เลิกจับตาไฟฟ้าพีกแล้ว เพราะว่าปีนี้ฝนมาเร็วกว่าที่ประเมินไว้ ถึงแม้ว่าปีนี้จะเผชิญสภาพอากาศที่ร้อนมาก แต่ก็ร้อนแค่เพียงระยะหนึ่งแล้วก็มีฝนตก ดังนั้นคาดว่าต่อจากนี้แม้ฝนจะเริ่มน้อยลงแต่ก็จะไม่กลับมาร้อนเท่ากับช่วงเดือน เม.ย.-ต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาแน่นอน น่าจะส่งผลดีต่อต้นทุนราคาเล็กน้อย เนื่องจากปกติต้องมีการสำรองก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ประมาณ 500 ล้านลูกบาศก์ฟุต (ลบ.ฟุต)/วัน แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนต้องมีการสำรองถึง 1,000 ล้าน ลบ.ฟุต/วัน ขณะที่ปีนี้มีการลดใช้เชื้อเพลิงสำรองลง" นายเริงชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการที่ปีนี้ไม่เกิดไฟฟ้าพีกที่สูงตามเป้าที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ระดับ 3.2 หมื่นเมกะวัตต์ ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าในรูปแบบปกติของ กฟผ.เพียงพอต่อความต้องการใช้ ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงที่มีต้นทุนสูงกว่าปกติ เช่น น้ำมันดีเซล หรือน้ำมันเตา ที่ได้มีการสำรองไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นคาดว่าจะส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่อาจถูกลงเล็กน้อย

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ไฟฟ้าพีกของปีนี้ ที่ต่ำกว่าคาดการณ์นั้นไม่ส่งผลให้เกิดการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการพิจารณาจะต้องขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ต้องสะท้อนราคาก๊าซย้อนหลัง 6-12 เดือน ขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงแต่ละชนิดก็มีความหลากหลาย ประกอบกับราคาน้ำมันมีความผันผวน แต่ยอมรับว่าอาจจะส่งผลดีต่อการพิจารณาค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) รอบถัดไปเล็กน้อยเท่านั้น