posttoday

รัฐระบายข้าวดี1.8ล้านตัน

15 พฤษภาคม 2560

“พาณิชย์” ฉวยโอกาสราคาข้าวขาขึ้นเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐเป็นการทั่วไป 1.82 ล้านตัน

“พาณิชย์” ฉวยโอกาสราคาข้าวขาขึ้นเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐเป็นการทั่วไป 1.82 ล้านตัน

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันที่ 15 พ.ค. 2560 กรมการค้าต่างประเทศจะชี้แจงหลักเกณฑ์เงื่อนไข (ทีโออาร์) การเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไปครั้งที่ 2/2560 ปริมาณ 1.82 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวล็อตสุดท้ายในกลุ่ม 1 หรือข้าวเกรดพี เอ บี ที่มีเกรดซีปนไม่เกิน 20% ซึ่งสามารถบริโภคปกตินำมาเปิดประมูล โดยกำหนดเปิดคลังให้ผู้สนใจเข้าชม 15-19 พ.ค. และเปิดยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ 22 พ.ค. จากนั้นจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติและเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาวันที่ 24 พ.ค.ต่อไป

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การเปิดประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไปในระยะนี้ เป็นจังหวะดีที่รัฐบาลจะนำข้าวออกมาระบาย เพราะราคาข้าวในตลาดปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก โดยราคาข้าวขาว 5% ในตลาดปัจจุบันขณะนี้อยู่ที่ละ 12.50-12.60 บาท/กิโลกรัม (กก.) ขึ้นจากช่วงเดือนที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ กก.ละ 11.20-11.30 บาท

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาให้ปรับสูงขึ้นนี้มาจากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผู้ส่งออกไทยได้รับคำสั่งซื้อข้าวนึ่งจากตลาดแอฟริกาจำนวนหลายแสนตัน เนื่องจากขณะนี้ราคาข้าวนึ่งไทยและข้าวนึ่งอินเดียห่างกันไม่มาก ส่งออกอยู่ที่ 410 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นนี้ทำให้ผู้ส่งออกต้องไปซื้อข้าวเปลือกในตลาดเพื่อนำมาทำข้าวนึ่ง ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกเจ้าปรับขึ้นมาอยู่ที่ 9,500 บาท/ตัน จากเดิมอยู่ที่ตันละ 8,500 บาท หรือขึ้นมา 1,000 บาท/ตัน โดยคาดว่าราคาข้าวที่ปรับตัวขึ้นมาน่าจะยืนราคานี้ไปอีก 1 เดือนเป็นน้อย

นายชูเกียรติ กล่าวว่า ในการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาล ซึ่งเป็นข้าวเก่าน่าจะส่งผลดีในแง่ของศักยภาพการส่งออกข้าวไทยในการแข่งขันกับประเทศเวียดนาม เพราะราคาข้าวขาวเวียดนามขณะนี้ส่งออกอยู่ที่ตันละ 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ราคาข้าวขาวไทยส่งออกที่ 390 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งห่างกัน 30-40 เหรียญสหรัฐ/ตัน หากได้ข้าวสต๊อกรัฐบาลที่เป็นข้าวเก่าจะสามารถทำราคาส่งออกได้ที่ 340 เหรียญสหรัฐ/ตัน โดยจะแข่งขันกับข้าวใหม่ของเวียดนามได้แน่นอน

“หากดูสถานการณ์ขณะนี้ ถือว่าเป็นจังหวะดีมากที่จะระบายข้าวและเชื่อว่าจะมีภาคเอกชนจำนวนมากสนใจเข้าไปประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาล เพราะเป็นล็อตสุดท้ายแล้วในกลุ่มของข้าวดี เพื่อมาแข่งขันในตลาดข้าว และเชื่อว่าการส่งออกข้าวไทยปีนี้จะส่งออกได้ตามเป้าหมาย 10 ล้านตัน เพราะสัญญาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเริ่มกลับเข้ามาเรื่อยๆ อย่างล่าสุดอิหร่านก็สั่งซื้อข้าวจากเอกชนไทยไปอีก 6 หมื่นตัน” นายชูเกียรติ กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลในกลุ่ม 3 เพื่อเข้าอุตสาหกรรมที่มิใช่การบริโภคของคนและสัตว์ปริมาณ 1.03 ล้านตัน ทางคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ได้ประชุมเมื่อวันที่ 9 พ.ค. แต่ยังไม่มีข้อสรุปในการพิจารณาขายข้าวสำหรับการเปิดประมูลข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ที่กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการเปิดประมูลแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากในการประชุมยังพบว่าขาดข้อมูลที่ประกอบการพิจารณาหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัจจัยราคาในตลาด และราคาวัตถุดิบ

ทั้งนี้ การประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลเพื่อเข้าอุตสาหกรรมดังกล่าว มีผู้เสนอราคาทั้งหมดเป็นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ทั้งในส่วนของการผลิต ปุ๋ยอินทรีย์ ผลิตพลังงานไฟฟ้า ผลิตก๊าซชีวภาพ และผลิตเอทานอล โดยจากการเปิดซองมีผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 11 ราย ใน 157 คลัง ปริมาณ 1.03 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าเสนอซื้อประมาณ 2,752 ล้านบาท และมีการเสนอซื้อสูงสุดเฉลี่ยประมาณ 2,473 บาท/ตัน หรือ 2.47 บาท/กก. สำหรับชนิดข้าวที่มีผู้เสนอราคาซื้อมากที่สุดเป็น ข้าวขาว 5% รองลงมา คือ ปลายข้าว A1 เลิศ

“ประชุมครั้งล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะยังต้องหาข้อมูลหลายส่วนมาประกอบการพิจารณา ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ จะประชุมอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะเสนอผลการพิจารณาให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาอนุมัติขายอีกครั้งภายในเดือน มิ.ย.นี้”แหล่งข่าวเปิดเผย