posttoday

พาณิชย์เผยส่งออกไตรมาสแรกโต4.9%สูงสุดรอบ4ปี

24 เมษายน 2560

พาณิชย์ เผยส่งออก มี.ค. ขยายตัว 9.2% ส่งผลไตรมาสแรกโต 4.9% สูงสุดในรอบ 4 ปี คาดปีนี้โตตามเป้าหมาย 5%

พาณิชย์ เผยส่งออก มี.ค. ขยายตัว 9.2% ส่งผลไตรมาสแรกโต 4.9% สูงสุดในรอบ 4 ปี คาดปีนี้โตตามเป้าหมาย 5%

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนมี.ค.60 ที่มีมูลค่าสูงกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขยายตัว 9.2% นั้น ถือว่าเป็นการปรับตัวสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย 5 ปี และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเป็นส่วนใหญ่ตลอดทั้งปี ขณะที่การส่งออกในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ที่ขยายตัวได้ 4.9% นั้น ถือว่าเป็นการขยายตัวได้สูงสุดในรอบกว่า 4 ปี หรือ 17 ไตรมาส ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของการส่งออกที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการค้าโลกปีนี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

"การส่งออกของไทยในเดือนมี.ค.นี้ ถือว่าเติบโตสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย 5 ปี และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเป็นส่วนใหญ่ตลอดทั้งปี...นอกจากนี้มูลค่าการค้าของไทยยังถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก" น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

ทั้งนี้การส่งออกไปยังตลาดหลัก (สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, สหภาพยุโรป) ขยายตัว 10.5% ส่วนตลาดศักยภาพสูง (อาเซียน, CLMV, จีน, เอเชียใต้) ขยายตัว 14.5% ขณะที่ตลาดศักยภาพรอง (ออสเตรเลีย, ตะวันออกกลาง) หดตัว 1.0%

ส่วนการนำเข้าในเดือนมี.ค.60 ที่ขยายตัวสูงถึง 19.3% นั้น พบว่ามีการขยายตัวสูงจากการนำเข้าในส่วนของสินค้าทุน ตลอดจนวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูปเพื่อนำมาผลิตเป็นสินค้าส่งออก ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มที่ดี และในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ในระดับที่แข็งค่านั้น ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการจะใช้ช่วงจังหวะนี้ในการนำเข้าสินค้าทุน ตลอดจนวัตถุดิบในการผลิตเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกลง รวมทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของผู้ประกอบการเองด้วย

"ผู้ประกอบการควรใช้โอกาสที่บาทแข็งค่านี้ นำเข้าสินค้าทุน ตลอดจนเครื่องจักร และวัตถุดิบในการผลิตต่างๆ มาใช้เพื่อช่วยเพิ่ม productivity" น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ 5% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งกระทรวงฯ จะเร่งดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อให้การส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้มากที่สุด

ทั้งนี้ การส่งออกตามเป้าหมายที่ 5% อยู่บนสมมติฐานภายใต้อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 35.50-37.50 บาท/ดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่ระดับ 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ จับตา 16 ประเทศที่มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ นั้น ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้มีการนัดประชุมร่วมกับภาคเอกชนรวมทั้งภาครัฐจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมรับมือกับผลกระทบทางการค้าที่อาจจะเกิดขึ้น และในกลางสัปดาห์นี้ปลัดกระทรวงพาณิชย์จะนัดประชุมเพื่อเตรียมรวบรวมข้อมูลอีกครั้ง อย่างไรก็ดี แนวทางหนึ่งที่ไทยพอจะใช้รับมือกับมาตรการที่สหรัฐจะนำออกมาใช้ในการกีดกันทางการค้า คือ ไทยจะต้องเร่งขยายการส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ ให้มากขึ้น โดยไม่หวังพึ่งพาเพียงแต่ตลาดสหรัฐฯ เท่านั้น

"เราจะต้องขยายตลาดส่งออกไปตลาดอื่นๆ มากขึ้น ไม่พึ่งพาตลาดสหรัฐ หรือตลาดเก่าๆ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วไม่ว่าทรัปม์จะออกมาตรการมาในรูปแบบไหน" น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว