สหภาพ ขสมก.เห็นด้วยยกเลิกรถเมล์เอ็นจีวี

สหภาพ ขสมก.ยันไม่เคลื่อนไหวยกเลิกรถเมล์เอ็นจีวี  พร้อมเสนอ 4 แนวทางดำเนินการหลังบอกเลิกสัญญา

นายวีระพงษ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) เปิดเผยว่าคิดว่า จากกรณีการบอกเลิกสัญญาโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันนั้น ทางสหภาพเห็นด้วยและขอยืนยันว่าจะไม่มีการออกมาเคลื่อนไหวหรือต่อต้านในเรื่องการบอกเลิกสัญญาจัดซื้อโครงการดังกล่าวอย่างแน่นอน อีกทั้งยังพอใจเป็นอย่างมากกับแนวทางดำเนินการของกระทรวงคมนาคมที่ตั้งเป้าจัดซื้อรถเมล์พลังงานทางเลือกล็อตใหม่ให้ประชาชนได้ใช้ภายปลายปีนี้ อีกทั้งยังเชื่อว่าการเปิดประกวดราคาครั้งใหม่จะยังคงมีผู้สนใจเช้าร่วมอย่างแน่นอนแม้ที่ผ่านมาสองบริษัทใหญ่อย่าง เบสรินท์และ ช.ทวี จะเกิดปัญหาในขั้นตอนการจัดซื้อ ส่วนด้านทีโออาร์ทางสหภาพยังมั่นใจว่าสามารถนำร่างฉบับปัจจุบันมาปรับใช้ใหม่ได้แต่ต้องชี้ชัดเรื่องเวลาการส่งมอบและตัดเงื่อนไขสาระสำคัญเรื่องถิ่นกำเนิดรถเมล์ออกไป ในภาพรวมยังมั่นใจว่ากระทรวงคมนาคมจะสามารถเดินหน้ารับมอบรถเมล์ล็อตใหม่ได้ตามแผนที่วางไว้ แตทั้งนี้ยังเป็นห่วงเรื่องงบประมาณในการติดตั้งระบบจีพีเอสและ E-ticket ในรถเมล์เอ็นจีวี 292 คันที่ดำเนินการไปแล้วซึ่งขสมก.ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายโดยไม่มีใครรับผิดชอบ

อย่างไรก็ตามภายหลังจากการประชุมสหภาพ ขสมก.เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมานั้นที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติร่วมกันหากมีการบอกเลิกสัญญารถเมล์เอ็นจีวี โดยการนำบุคลากรของสหภาพลงพื้นที่ชี้แจงกับผู้ประกอบการรวมถึงผู้ขับขี่และผู้เกี่ยวข้องในการเดินรถ เพื่อทำความเข้าใจและแนะนำแนวทางการพัฒนาองค์กร ขสมก.ในอนาคตตลอดจนรับฟังความคิดเห็นเพื่อเสนอแนะต่อที่ประชุมบอร์ด ขสมก.ครั้งต่อไปในวันที่ 26 เม.ย.นี้

นายวีระพงษ์ กล่าวต่อว่า เมื่อรัฐบาลตัดสินใจยกเลิกโครงการจัดซ้อรถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าวแล้ว สหภาพจึงขอเรียกร้องแนวทางต่อไปนี้เพื่อเป็นสาระสำคัญให้แก่ ขสมก.สำหรับดำเนินการนโยบายในอนาคต ประกอบด้วย

1.ขอให้ ขสมก.เร่งดำเนินการจัดหารถเมล์พลังงานทางเลือกล็อตใหม่ เพื่อเร่งนำมาให้บริการประชาชนโดยเร็วที่สุด รวมถึงการเดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป 2.เสนอแนะให้ขสมก.เร่งจัดทำแผนการปรับปรุงรถเก่าจำนวน 600-700 คัน (Overhual) ให้มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากรถเมล์เก่าเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่คุ้มต้นทุน แต่ก็ยังสามารถให้บริการต่อไปได้อีกสักระยะหากทำการปรับปรุงและซ่อมบำรุงตามมาจรฐาน 3. เสนอให้ ขสมก.เร่งจัดทำแผนเดินหน้าธุรกิจให้ชัดเจน เนื่องจากขสมก.อาจถูกบีบให้ยกเลิกบริการในอนาคตจากปัญหาภาระหนี้สินและรายจ่ายที่มากกว่ารายรับหรือสภาวะขาดทุน เนื่องจากในปี 2562 กรมการขนส่งทางบกจะเป็นผู้กำกับดูแลเต็มตัว จึงสุ่มเสี่ยงที่ ขสมก.จะขาดประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจเดินรถจนต้องให้เอกชนเข้ามาดูแลแทนทั้งหมด

4.เปิดโอกาสให้สหภาพและบุคลากรแรงงานของขสมก.มีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการโครงการจัดซื้อรถเมล์ล็อตใหม่ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและไม่มีปัญหาอย่างที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นได้หารือกับผู้อำนวยการ ขสมก.ถึงความเป็นไปได้แล้ว