กรมศุลฯลุยติดเอกซเรย์

กรมศุลฯ ลุยเครื่องเอกซเรย์คร่อมสายพาน ตรวจกระเป๋าทุกใบ สแกนสินค้าหรู สิ่งผิดกฎหมายเข้าประเทศ

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมอยู่ระหว่างการเร่งจัดทำเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อหาผู้ติดตั้งระบบเครื่องเอกซเรย์คร่อมสายพานลำเลียงกระเป๋าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจสอบกระเป๋าเดินทางที่โหลดจากเครื่องบินเข้ามาในประเทศไทยทุกใบ ป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าแบรนด์เนม เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้นำเข้าได้ในมูลค่าไม่เกิน 2 หมื่นบาท

นอกจากนี้ เครื่องเอกซเรย์ดังกล่าวจะใช้ตรวจวัตถุต้องห้ามตามอนุสัญญา ไซเตส ว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ เช่น นอแรด งาช้าง เกล็ดนิ่ม ตลอดจนสาร ตั้งต้นยาเสพติด อาวุธ สารเคมี ที่เสี่ยงต่อการก่อการร้าย โดยคาดจะจัดหาผู้ติดตั้งได้ภายในเดือน ก.ย.นี้ จากนั้นเริ่มใช้เครื่องเอกซเรย์ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป

"การติดตั้งเครื่องเอกซเรย์คร่อมสายพานเป็นมาตรการหนึ่งที่กรมศุลกากรนำมาใช้เหมือนสนามบินอื่นอีกหลายประเทศ เช่น เกาหลี ออสเตรเลีย เพื่อเน้นการป้องกันภัยก่อการร้าย หรือการใช้ไทยเป็นฐานในการนำเข้ายาเสพติด สินค้าผิดกฎหมาย ส่วนการตรวจจับสินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง หรือสินค้าชนิดอื่นที่นำเข้ามาโดยเสียภาษีไม่ถูกต้องถือเป็นผลพลอยได้" นายกุลิศ กล่าว

ทั้งนี้ จะติดตั้งเครื่องเอกซเรย์คร่อมสายพานที่สนามบินสุวรรณภูมิ 23 สายพาน และที่สนามบินดอนเมือง สมุย เชียงใหม่ ภูเก็ต อีก 6 สายพาน วงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงห้องควบคุมเครื่องเอกซเรย์ที่ทันสมัย สามารถดูการเอกซเรย์ได้ทั้งหมดแบบเรียลไทม์ หรือย้อนภาพกลับมาตรวจสอบซ้ำก็ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่สนามบินนำกระเป๋าที่โหลดจากใต้ท้องเครื่องบินไปวางบนสายพาน เครื่องเอกซเรย์จะสแกนกระเป๋าทุกใบก่อนนำส่งขึ้นไป หากพบว่าในกระเป๋ามีวัตถุน่าสงสัยระบบ จะส่งสัญญาณเตือนไปห้องควบคุมทันที เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นติดตามดูว่าถ้าเจ้าของนำกระเป๋าไปสำแดงเสียภาษีถูกต้องก็ไม่มีปัญหา แต่หากเดินผ่าน ช่องปกติจะถูกตรวจค้นอย่างละเอียด

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ด่านศุลกากรทั่วประเทศเพิ่มความเข้มงวดในการ ตรวจสอบการนำเข้าบุหรี่ สุรา เบียร์ ไวน์ ป้องกันการลักลอบมาขายในไทยอย่าง ไม่ถูกกฎหมายด้วย