posttoday

นโยบาย"ทรัมป์"ขึ้นภาษีสินค้าจีน45% กระทบส่งออกไทย 3.92 หมื่นล้าน

28 กุมภาพันธ์ 2560

ม.หอการค้า เผยนโยบายทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าจีน45% กระทบส่งออกไทยทั้งทางตรงและอ้อม 3.92 หมื่นล้านบาท แต่ถ้ารวมล้มทีพีพี-ศก.สหรัฐฯฟื้น ช่วยพลิกส่งออกไทยกลับมาบวก 1.72 หมื่นล้านบาท

ม.หอการค้า เผยนโยบายทรัมป์ขึ้นภาษีสินค้าจีน45% กระทบส่งออกไทยทั้งทางตรงและอ้อม 3.92 หมื่นล้านบาท แต่ถ้ารวมล้มทีพีพี-ศก.สหรัฐฯฟื้น ช่วยพลิกส่งออกไทยกลับมาบวก 1.72 หมื่นล้านบาท

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ตรอการส่งออกไทยในตลาดสหรัฐอเมริกาว่า หากสหรัฐปรับขึ้นภาษีสินค้าจากจีน 45% จะทำให้จีนส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาลดลง 1.7 ล้านล้านบาท หรือกลดลง 11.4% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกาทั้งทางตรงและทางอ้อมลดลงรวม 3.92 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 4.9%

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่สหรัฐอเมริกาต้องการกดดันให้ค่าเงินหยวนปรับตัวแข็งค่าขึ้น 5% เพื่อลดการขาดดุลการค้า ซึ่งจะทำให้มูลค่าการส่งออกของจีนไปสหรัฐอเมริกาลดลง 2.36 แสนล้านบาท และจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยไปสหรัฐอเมริกาทั้งทางตรงและทางอ้อมหายไปอีก 7,526 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี มองว่านโยบายล้มเลิกข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) ของทรัมป์ จะเป็นผลดีต่อไทยเพราะจะทำให้แต้มต่อในส่วนของประเทศคู่แข่งในเรื่องของนโยบายภาษีและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ลดลง โดยคาดว่า ไทยจะได้ประเทศจากการล้มเลิกข้อตกลงทีพีพีประมาณ 1.18 หมื่นล้านบาท และเมื่อหักลบกับผลกระทบจากการขึ้นภาษี45%และการกดดันค่าเงินหยวนของจีนแล้ว จะยังทำให้ไทยได้ประโยชน์อยู่ 2,582 ล้านบาท

นายอัทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่เริ่มฟื้นตัว รวมทั้งอานิสงส์ของไทยในการส่งออกไปยังญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าการส่งออกของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอเมริกาจะขยายตัวเพิ่มขึ้น เมื่อรวมกับผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ก็คาดว่า ไทยจะได้ประโยชน์ในการส่งออกไปสหรัฐอเมริการวม 1.72 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ สินค้าไทยที่มีโอกาสและได้ประโยชน์ในการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ได้แก่ อุปกรณ์โทรทัศน์ อุปกรณ์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์อินทรีย์ ผักและผลไม้สดและอบแห้ง ส่วนสินค้าที่มีความเสี่ยงภายใต้นโยบายของนายทรัมป์ คือ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์  ยางและผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ ปลาและสัตว์น้ำ ชา กาแฟ และเนื้อสัตว์แปรรูป

สำหรับมูลค้าการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 2559 มีมูลค่ารวม 2.44 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 11.4% ของการส่งออกทั้งหมด โดยไทยมีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1.3% เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคอาเซียน รองจากเวียดนามที่ส่วนแบ่ง 1.9% และมาเลเซียที่ 1.7% เนื่องจากที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศนี้ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกทีพีพีด้วย

ขณะเดียวกัน มีความเห็นว่า ไทยและอาเซียนควรเร่งผลักดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาเซ็ป) ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว และควรเร่งทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ)ก กับสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันก็ควรเตรียมพร้อมรับกัยมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีที่มีแนวโน้มจะมีมากและรุนแรงขึ้นเช่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม และด้านแรงงาน รวมทั้งผลักดันมูลค่าส่งออกในตลาดอินเดียและตะวันออกกลางเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม เรื่องอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทและค่าเงินในอาเซียนก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะมีโอกาสผันผวนสูง โดยคาดว่ามีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 34-35 บาท/เหรียญสหรัฐ ตามนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่ต้องการกดดันให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจจะมีผลกระทบทำให้มูลค่าที่คาดว่า การส่งออกไทยจะได้ประโยชน์ลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ได้