สคบ.จี้สายการบินรื้อเพดานราคาใหม่

สคบ.ปัดคุมราคาไม่ได้หลังถกสายการบินแจงปรับค่าโดยสารยังไม่เกินเพดาน สั่งปรับใหม่สอดคล้องกับราคาน้ำมันปัจจุบัน

พล.ต.ต.ประสิทธิ์  เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า สคบ.ได้เชิญสายการบินภายในประเทศ อาทิ การบินไทย ไทยแอร์เอเชีย นกแอร์ ไทยสมายล์ ไทยไลอ้อนแอร์ เวียตเจ็ท แอร์ไลน์ส รวมทั้งกรมการบินพลเรือน (บพ.) มาหารือถึงกรณีที่สายการบินภายในประทศได้ขึ้นราคาตั๋วเครื่องบิน 150-200 บาท/ที่นั่ง จากการที่รัฐบาลขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งจากการหารือทั้งหมดแล้ว ทางสายการบินระบุแนวทางการแก้ไขปัญหาคงต้องใช้ระบบการค้าเสรีที่ให้ทุกสายการบินออกโปรโมชั่นแข่งขันกัน เนื่องจากราคาที่สายการบินเรียกเก็บจากผู้โดยสารยังไม่เกินเพดานที่กรมการบินพลเรือนกำหนดไว้

"การที่ สคบ.เรียกสายการบินมาหารือเรื่องราคาค่าโดยสารที่ปรับขึ้น เนื่องจากเห็นว่าเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม โดยมีการแชร์ข้อมูลต่อๆ กันในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่าไม่เห็นด้วยและสงสัยว่าเป็นธรรมกับผู้บริโภคหรือไม่ ทาง สคบ.จึงเป็นตัวแทนของผู้บริโภคเพื่อคลายข้อสงสัยนี้ ซึ่งแม้จะทำให้สายการบินลดราคาลงมาไม่ได้ แต่ได้ทำเต็มที่แล้ว" พล.ต.ต.ประสิทธิ์ กล่าว
    
อย่างไรก็ตาม การกำหนดเพดานราคาค่าโดยสารทางกรมการบินพลเรือนทำมานานแล้ว ตั้งแต่ราคาน้ำมันอยู่ที่ 130-140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ราคาน้ำมันในปัจจุบันอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงเป็นเหตุให้สายการบินขึ้นราคาแล้วก็ยังไม่เกินเพดาน ซึ่งในส่วนนี้กรมการบินพลเรือนได้รับที่จะไปปรับเพดานราคาใหม่ให้สอดคล้องราคาน้ำมันในปัจจุบัน

ทั้งนี้ สายการบินชี้แจงด้วยว่าการคิดราคาค่าโดยสารจะมาจากหลายปัจจัย ทั้งต้นทุนราคาน้ำมัน ค่าการตลาด เงินเดือนพนักงาน ค่าบริหารจัดการ และเฉลี่ยออกมาเป็นค่าโดยสาร ซึ่งแต่ละสายการบินก็คิดต่างกันและยังเป็นความลับทางธุรกิจ ขณะที่การคิดภาษีน้ำมันจะเก็บตามที่อย่างใดอย่างหนึ่งสูงกว่า คือ 3 บาท/ลิตร หรือ 23% ของราคาน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 4.90 บาท ส่วนเพดานราคาค่าโดยสารที่กำหนดในปัจจุบันคือระยะทางไม่เกิน 300 กิโลเมตร (กม.) ราคาค่าโดยสาร 22 บาท/กม. และมากกว่า 300 กม. เพดานราคาที่ 13 บาท/กม. ซึ่งในส่วนนี้ทางกรมการบินพลเรือนได้รับไปปรับใหม่