posttoday

"พิชิต"ลั่นรฟท.ต้องมีรายได้เพิ่ม4เท่า/ปี

28 ธันวาคม 2559

"พิชิต" กดปุ่มยกเครื่องรฟท.-ลั่นเพิ่มรายได้4เท่าต่อปีล้างหนี้แสนล้าน

"พิชิต" กดปุ่มยกเครื่องรฟท.-ลั่นเพิ่มรายได้4เท่าต่อปีล้างหนี้แสนล้าน

นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในการประชุมมอบนโยบายให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ต้องการเดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการรฟท.อย่างจริงจัง ผ่านการตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินองค์กรภายในระยะเวลา 3 เดือน โดยรฟท.ถือหุ้น 100% แต่มีการบริหารจัดการให้คล่องตัวเหมือนเอกชนคล้ายกับการจัดตั้งบริษัทแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งจะเข้ามาดูแลที่ดินซึ่งไม่อยู่ในแผนการเดินรถทั้งหมด 40,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ80 ของสินทรัพย์ทั้งหมดเน้นไปที่พัฒนาเชิงพาณิชย์ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร 4 เท่า เฉลี่ยปีละ 12,000 ล้านบาทจากปัจจุบันที่ปีละ 3,000 บาท โดยเฉพาะพื้นที่แปลงใหญ่ซึ่งสามารถทำได้เลยอย่าง พื้นที่สถานีกลางบางซื่อ จำนวน 359 ไร่ พื้นที่มักกะสัน 500 ไร่และที่ดินบริเวณสถานีแม่น้ำ โดยจะเร่งเปิดประมูลที่ดินทั้งสามแปลงภายในปีหน้าตลอดจนการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-ระยอง ที่จะสร้างรายได้จำนวนมากให้กับรฟท.เนื่องจากสินทรัพย์ขององค์กรกว่าร้อยละ 80 เป็นที่ดินไม่ได้ใช้ประโยชน์

จากปัจจุบันขาดทุนอยู่ที่ 7,800 ล้านบาทต่อปีแบ่งเป็นผลขาดทุนจากกิจการเดินรถ 7,500 ล้านบาทและขาดทุนกิจการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ปีละ 300 ล้านบาท จนต้องขอเงินอุดหนุนจากภาครัฐทุกปีซึ่งล้วนเป็นการใช้ภาษีประชาชนมาแบกปัญหาดังกล่าวจนทำให้รฟท.ไม่เกิดการพัฒนา คาดว่าจะเห็นจำนวนรายได้ที่เพิ่มขึ้นเลยภายใน 1-2 ปี เพื่อนำไปลดภาระหนี้จำนวนกว่าแสนล้านบาทของรฟท. เบื้องต้นจะเร่งปรับโครงสร้างหนี้โดยนำกระแสรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากแผนฟื้นฟูไปยื่นคร้อมกับแนวทางการชำระที่แน่นอนในแต่ละปี

"ในอนาคตรายได้ส่วนใหญ่ของรฟท.จะมาจากพื้นที่เชิงพาณิชย์และการขนส่งสินค้า ซึ่งมีศักยภาพสร้างรายได้อย่างมหาศาลหากมีการบริหารที่ดี จากปัจจุบันที่รฟท.พึ่งพารายได้จากการเดินรถเป็นส่วนใหญ่" นายพิชิตกล่าว

นายพิชิตกล่าวต่อว่า รฟท.มีความพร้อมจะบริหารพื้นที่มักกะสันเองซึ่งทางคนร.ก็ไม่ได้คัดค้านจึงคาดว่าจะส่งเรื่องเข้าสู่คนร.ได้ในวันที่ 5 มกราคม เพื่อเร่งหาข้อสรุปก่อนเปิดประมูลช่วงปลายปี 2560 ตามแผน แต่จะปรับกรอบเวลาขั้นตอนการส่งมอบพื้นที่ใหม่ จากเดิมที่จะส่งมอบพื้นที่แปลง1,2,3ทันทีหลังเซ็นMOUและจะส่งมอบแปลงที่เหลือภายในสองปีหลังจากลงนามMOU

นายพิชิตกล่าวถึงแผนหื้นฟูกิจการขั้นต่อไปว่า ได้สั่งการให้รฟท.จัดทำแผนปรับปรุงการเดินรถภายใน2เดือนเพื่อสำรวจและแยกกลุ่มเป้าหมายผู้โดยสารก่อนนำไปปรับกลยุทธ์ให้บริการรูปแบบใหม่เน้นสร้างรายใด้จากตลาดบนมากขึ้น อาทิ รถไฟเพื่อการท่องเที่ยวและรถไฟชานเมืองรองรับประชากรวัยทำงานควบคู่ไปกับการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารให้สอดคล้องกับต้นทุนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนยกระดับการให้บริการทั้งการปรับปรุงรถไฟเก่าและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถานีให้อยู่ในระดับเดียวกับสนามบินโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในเรื่องของการจองตั๋วและข้อมูลเส้นทางรถไฟ อย่างไรก็ตามยังตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากการขนส่งสินค้า เริ่มจากการเชื่อมต่อการขนส่งทางรางบริเวณไอซีดีลาดกระบังเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบังหนุนระเบียงเศรษฐกิจอีอีซีโดยปี2561ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณขนส่งเป็นสองเท่าตัว ทั้งนี้ในอนาคตจะเพิ่มรายได้ภาคขนส่งสินค้าได้เพิ่มขึ้นอีกมากหากโครงการรางคู่เริ่มเปิดให้บริการ

ทั้งนี้ ในอนาคตจะจัดตั้งบริษัทลูกเพิ่มขึ้นอีกเพื่อดูแลด้านการเดินรถในส่วนของการพัฒนางานบริการรวมถึงสถานีการขนส่งและงานด้านซ่อมบำรุงจัดหารถใหม่อีกด้วยซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดในพรบ.การขนส่งทางรางอีกทั้งยังดีต่อการแบ่งแยกรายได้และหนี้อย่างชัดเจนในแต่ละบริษัทเพื่อปรับยุทธศาสตร์การพัฒนารายได้อย่างตรงจุดอีกด้วย