posttoday

รัฐบาลลุยปราบโรงแรมเถื่อน ตั้งเป้าต้อนเข้าระบบใน5ปี

06 ธันวาคม 2559

กระทรวงท่องเที่ยวเดินหน้าเอาผิดโรงแรงเถื่อนทั่วประเทศกว่า 60% ตั้งเป้า 5 ปี ดึงเข้าระบบ

กระทรวงท่องเที่ยวเดินหน้าเอาผิดโรงแรงเถื่อนทั่วประเทศกว่า 60% ตั้งเป้า 5 ปี ดึงเข้าระบบ

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสานความร่วมมือกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวหลัก อย่าง ภูเก็ต สมุย หัวหิน พัทยา เชียงใหม่ เร่งตรวจสอบปราบปรามโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบการ (โรงแรมเถื่อน) ผลักดันให้เข้าสู่ระบบหรือจับกุม เพื่อไม่ให้ทำผิดกฎหมายและยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่ตลาดคุณภาพอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าปัจจุบันโรงแรมและที่พักผิดกฎหมายที่ไม่อยู่ในการควบคุมของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรงแรม พ.ศ. 2547ทั้งประเทศ เฉลี่ย 60% เทียบกับห้องพักทั่วประเทศไทย 4-4.5 แสนห้อง ความร่วมมือกันอย่างจริงจังในครั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้โรงแรมผิดกฎหมายในประเทศไทยทยอยเข้าสู่ระบบและหมดไปภายใน 3-5 ปีข้างหน้า รวมถึงการก่อสร้างโรงแรมใหม่จะถูกกฎหมายมากขึ้นกว่าการลักลอบเปิดให้บริการเหมือนที่ผ่านมา

นายภูริต มาศวงศ์ศา ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต (สทท.) กล่วว่า สทท.เตรียมเสนอ 3 แนวทางการปราบปรามโรงแรมผิดกฎหมาย ได้แก่ 1.การคัดกรองจำนวนโรงแรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย 2.โรงแรมที่ยื่นใบอนุญาตแต่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะติดขัดเงื่อนไขต่างๆ เช่น พื้นที่จอดรถ และ 3.อาคารที่พักที่ดัดแปลงเป็นโรงแรมที่พัก โดยรัฐต้องมีมาตรการในแต่ละระดับ เมื่อคัดแยกแล้วต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย โดยวิธีการนี้ สทท.เตรียมนำเสนอผู้ว่าราชการภูเก็ต พร้อมผลักดันให้เป็นโมเดลต้นแบบในการแก้ไขปัญหา 

ทั้งนี้ จากการสำรวจใน จ.ภูเก็ต พบว่าโรงแรมจังหวัดภูเก็ต มีจำนวน 2,700 แห่ง ประมาณ 2 แสนห้อง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.โรงแรมถูกกฎหมาย จำนวน 900 แห่ง หรือประมาณ 1.8 หมื่นห้อง 2.โรงแรมขออนุญาตถูกต้องแต่ก่อสร้างไม่ได้รับอนุมัติ จำนวน 1,000 แห่ง ประมาณ 2.5 หมื่นห้อง และ 3.โรงแรมหรือห้องพักที่ขออนุญาตไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักเปิดให้เช่ารายวัน รายเดือนไม่อยู่ในการควบคุมประมาณ 78% ของโรงแรมที่พักทั้งหมดในภูเก็ต 

อย่างไรก็ตาม โรงแรมเถื่อนที่เปิดให้บริการส่งผลต่อโครงสร้างราคาตลาด ทำให้ราคาห้องพักของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำสุดในอาเซียน สวนทางกับคุณภาพการบริการ เช่น ปี 2554 โรงแรมในสิงคโปร์ ราคา 200 เหรียญสหรัฐ/วัน ปัจจุบันปรับขึ้น 30% ขณะที่โรงแรมในภูเก็ตเมื่อ 6 ปีก่อนเฉลี่ย 4,000-6,000 บาท/คืน ปัจจุบันเหลือเพียง 2,000 บาท/คืน

“โรงแรมห้องพักในประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลักหรือได้รับความนิยม ไม่สามารถปรับราคาขึ้นให้สอดคล้องกับต้นทุนการบริหารจัดการ และการบริการที่ดีมีคุณภาพไม่แพ้ชาติอื่นในอาเซียน แต่การแข่งขันราคาที่รุนแรงของโรงแรมผิดกฎหมาย ที่ส่งผลต่อโรงแรมที่ดีมีคุณภาพและถูกกฎหมาย เนื่องจากมีต้นทุนสูงกว่าต้องปรับตัวรับการแข่งขัน” นายภูริต กล่าว