ข้าวหอมฯไทยขึ้นแท่น ครองอันดับ1ในตลาดฮ่องกง สหรัฐ สิงคโปร์
"พาณิชย์" ชี้ข้าวหอมมะลิไทยยังอันดับ 1 ในหลายประเทศ ระบุ 9 เดือน ส่งออกแล้ว 1.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 20%
"พาณิชย์" ชี้ข้าวหอมมะลิไทยยังอันดับ 1 ในหลายประเทศ ระบุ 9 เดือน ส่งออกแล้ว 1.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 20%
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2559 ข้าวหอมมะลิของไทยยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในหลายประเทศ ทั้งฮ่องกง สหรัฐ สิงคโปร์ โดยแต่ละปีไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไทยเฉลี่ย 1.4 ล้านตัน ซึ่งช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ส่งออกได้แล้ว 1.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 โดยเฉพาะตลาดฮ่องกงนำเข้าข้าวหอมมะลิไทย 1.5 แสนตัน เพิ่มขึ้น 3.77% มีสัดส่วนเป็นอันดับ 1 หรือ 59% ของปริมาณนำเข้าทั้งหมดของฮ่องกง ส่วนตลาด สหรัฐข้าวหอมมะลิไทยมีส่วนแบ่งตลาดที่ 60% ของการนำเข้าข้าวรวมของสหรัฐ
ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกข้าวหอมมะลิได้ต่อเนื่องกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารสำคัญๆ เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทย เช่น งาน Food Fiesta ที่ฮ่องกง งาน Biofach ที่เยอรมนี งาน Gulfood ที่ดูไบ งาน Foodex ที่ญี่ปุ่น งาน Summer Fancy Food และงาน Natural Products Expo ที่สหรัฐ และงาน China-ASEAN Expo ที่จีน
ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลง พื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรฯ ในการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่สมัยใหม่ด้านข้าว อ.เดิมบาง นางบวช จ.สุพรรณบุรี ว่าเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาปรับเพิ่มงบประมาณให้กับผู้ที่เข้าร่วมโครงการเกษตรกรแปลงใหญ่ เพื่อนำมาเพิ่มวงเงินกู้จาก 5 ล้านบาท เป็น 10 ล้านบาท และขยายเวลาชาระหนี้เงินกู้จาก 3 ปี เป็น 5 ปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงเหลือ 0.01% เพื่อจูงใจเกษตรกรให้เข้าร่วมโครงการมากๆ เนื่องจากล่าสุดมีคนเข้าร่วมโครงการเพียง 9.6 หมื่นกว่าคน
ทั้งนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จะมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยลดลง 26.4% จาก 4,500 บาท/ไร่ เหลือ 3,310 บาท/ไร่ ได้ผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12.5% จาก 800 กิโลกรัม/ไร่ เป็น 900 กิโลกรัม/ไร่ สามารถเชื่อมโยงด้านการตลาด โดยทำข้อตกลงความร่วมมือการซื้อ-ขาย ข้าวกับภาคเอกชน รับซื้อข้าวจากเกษตรกรแปลงใหญ่ทั้งหมดในราคาสูงกว่าท้องตลาด 300 บาท/ตัน ทำให้เกษตรกรมีตลาดรับซื้อที่แน่นอน ผลผลิตตรงกับความต้องการของตลาด และขายข้าวได้ราคานอกจากนี้ ยังให้จัดทำเกษตรกรผสมผสาน เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เสริม เช่น ผักสวนครัว เลี้ยงไก่ไข่ กบ และปลา


