"BEM"เผยธุรกิจรถไฟฟ้ากลับมามีกำไร รายได้ปีนี้โต10%

บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพเผยธุรกิจรถไฟฟ้ากลับมามีกำไรในรอบ 12ปี คาดรายได้รวมปีนี้โต10% ปีหน้ามั่นใจรายได้พุ่ง40%

นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า ในปีนี้ธุรกิจรถไฟฟ้าจะกลับมามีกำไรในรอบ 12 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท หลังจากปีที่แล้วขาดทุนราว 300 ล้านบาท เนื่องจากเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-เตาปูนได้เร็วกว่าแผน 5 เดือน ทำให้รายได้รวมในปีนี้จะขยายตัวมากกว่า 10% จากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่เพิ่มเข้ามาเฉลี่ยวันละ 30,000 คนต่อวัน ทำให้ยอดผู้โดยสารรวมเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 ต่อวัน ขยายตัว 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งมีผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 280,000 คนต่อวัน

ส่วนในปี2560 คาดว่ารายได้จะเติบโตถึง 40% จากการรับรู้รายได้ค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงเต็มปีประกอบกับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งคาดว่ารายรับจากผู้โดยสารในปีหน้าจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ส่วนค่าเดินรถทั้งหมดจะอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท รวมประมาณการณ์รายได้ปี 2560 ไม่ต่ำกว่า 4,300 ล้านบาท 

ทั้งนี้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM คาดว่าในอนาคตบริษัทจะมีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการที่ประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้นหลังจากเชื่อมโยงโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าให้ทั่วถึง โดยเฉพาะการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎรบูรณะ โดยเฉพาะเมื่อการเชื่อมต่อสถานีบางซื่อและสถานีเตาปูนแล้วเสร็จ

นายสมบัติกล่าวต่อว่า ส่วนด้านการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าและรถใต้ดิน Missing Link บริเวณรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ ไปยังรถสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนนั้น กำลังอยู่ในระหว่างเจรจาเพือ่เริ่มดำเนินงานตามแฟน ทั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเริ่มลงพื้นที่ทำงานก่อนสิ้นปีให้สามารถเปิดใช้บริการได้ภายในกลางปีหน้า เนื่องจาก BEM ความพร้อมในการดำเนินการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามด้านราคาของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายทั้ง 12 สถานีนั้นจะยังคงคิดอัตราค่าบริการในเรทราคาเดิมอยู่ที่ 42 บาท

อย่างไรก็ตามวันนี้จะเข้าไปยื่นซองประกวดราคารถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง โดยทาง BEM จะร่วมมือกับบริษัท ช.การช่าง เข้าแข่งขันประกวดราคาในสองโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ มั่นใจว่า BEM มีโอกาสชนะในการประกวดราคา เพราะมีความพร้อมด้านความเหมาะสมของราคารวมถึงมีประสบกาณณ์เพียงพอที่จะให้บริการแก่ประชาชน อย่างไรก็ตามคาดว่าเกณฑ์การคัดเลือกของรัฐบาลจะดูที่ความคุ้มค่าของต้นทุนดำเนินการและรายได้ที่จะกลับเข้าสู่ภาครัฐ