posttoday

จีนซื้อข้าวไทยแสนตัน

12 ตุลาคม 2559

จีนตกลงซื้อข้าวไทย 1 แสนตันแรกแล้ว ในราคา 394-399 เหรียญสหรัฐ/ตัน รอส่งมอบเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้

จีนตกลงซื้อข้าวไทย 1 แสนตันแรกแล้ว ในราคา 394-399 เหรียญสหรัฐ/ตัน รอส่งมอบเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัท คอฟโก ซึ่งเป็นหน่วยงานนำเข้าข้าวของรัฐบาลจีนได้ตกลงซื้อข้าวจากรัฐบาลไทย (จีทูจี) 1 แสนตัน ตามสัญญาซื้อขายข้าวปริมาณ 1 ล้านตัน ที่ได้ลงนามร่วมกันไว้ในช่วงเดือน ธ.ค. 2558 โดยข้าว 1 แสนตัน ที่รัฐบาลจีนตกลงซื้อกับไทยเป็นชนิดข้าวขาว 5% ฤดูการผลิตใหม่ขนาดบรรจุ 25 กิโลกรัม ในราคา 399 เหรียญสหรัฐ/ตัน และขนาดบรรจุ 50 กิโลกรัม ในราคา 394 เหรียญสหรัฐ/ตัน ระยะเวลากำหนดส่งมอบคือช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้

“ราคาที่จีนตกลงซื้อข้าวจากไทย 1 แสนตันแรก เป็นเทอมเอฟโอบี หรือราคาส่งมอบ ณ ท่าเรือ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศเจรจาจนสามารถขายได้ในราคาที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับราคาข้าวจากประเทศคู่แข่งสำคัญ เช่น เวียดนาม ราคาข้าวชนิดเดียวกันอยู่ที่ 332 เหรียญสหรัฐ/ตัน และปากีสถาน 335 เหรียญสหรัฐ/ตัน” นางอภิรดี กล่าว

ทั้งนี้ จากการที่ไทยมีคำสั่งซื้อข้าวปริมาณมากจากตลาดต่างประเทศมารองรับผลผลิตข้าวฤดูใหม่ที่กำลังออกสู่ตลาด ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกในการกระตุ้นให้ราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรจะได้รับสูงตามไปด้วย ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศจะเร่งเจรจาให้รัฐบาลจีนตกลงราคาและนำเข้าข้าวที่เหลือตามสัญญา เพื่อให้ครบปริมาณ 1 ล้านตันโดยเร็ว และกระทรวงยังมีแผนจะเข้าร่วมประมูลข้าวจีทูจีของรัฐบาลฟิลิปปินส์เพิ่มเติม คาดว่าจะมีการเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งการรับรองคณะผู้แทนการค้าจากต่างประเทศที่จะมาเยือนไทยช่วงปลายปี ทำให้มั่นใจว่าการส่งออกข้าวไทยทั้งปี 2559 จะเป็นไปตามแผนส่งออกได้ 9.5 ล้านตัน

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมได้ปรับปรุงมาตรฐานข้าวไทย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าข้าวในปัจจุบัน เนื่องจากมาตรฐานข้าวที่ใช้ในปัจจุบันใช้มาแล้วเป็นระยะเวลา 20 ปี โดยการปรับปรุงครั้งนี้ได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มตลาดระดับบน คือ กลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงต้องการบริโภคข้าวที่มีคุณภาพ จึงได้ปรับปรุงมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย โดยกำหนดให้มีข้าวหอมมะลิไทยไม่น้อยกว่า 92% ใช้ชื่อภาษาไทยว่าข้าวหอมมะลิไทย ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Thai Hom Mali Rice

สำหรับกลุ่มตลาดระดับกลางคือ กลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการข้าวเกรดรองจากข้าวหอมมะลิไทย จะมีราคาต่ำกว่าข้าวหอมมะลิไทย โดยได้กำหนดมาตรฐานสินค้าข้าวหอมไทยฉบับใหม่ เพื่อเป็น Fighting Brand ในการแข่งขันทางการค้ากับประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม กัมพูชา ซึ่งมาตรฐานสินค้าข้าวหอมไทย กำหนดให้มีข้าวหอมไทยไม่น้อยกว่า 80% ใช้ชื่อภาษาไทยว่า “ข้าวหอมไทย” และใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “Thai Jasmine Rice”

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดกลุ่มตลาดระดับล่างเป็นการเปิดช่องทางการส่งออกข้าวกรณีที่ผู้ซื้อต่างประเทศต้องการบริโภคข้าวหอมที่มีเงื่อนไขแตกต่างจากมาตรฐานอื่นที่กำหนดไว้ข้างต้น ซึ่งผู้ซื้อสามารถซื้อข้าวหอมผสมในรูปของข้าวตามตัวอย่างภายใต้มาตรฐานสินค้าข้าวที่ได้ปรับปรุงใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ส่งออกข้าวในปัจจุบัน โดยประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ช่วงเดือน ธ.ค.นี้