รัฐคุยเบิกจ่ายงบฉลุย

แจงงบปี 2559 เบิกจ่ายตามเป้าหมายคาดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าระบบ 8.5 หมื่นล้าน ช่วยพยุงไตรมาสสุดท้าย

นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 ล่าสุดในส่วนของรายจ่ายประจำมีการเบิกจ่ายไปแล้ว 98% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนงบประมาณลงทุนนั้นเบิกจ่ายไป 74.5% ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าทั้งปีต้องเบิกจ่ายให้ได้ 87% แต่ถ้ารวมการทำสัญญาผูกพันแล้วจะอยู่ที่ 89% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายทั้งปี การทำสัญญาผูกพันไว้นี้จะทำให้มีส่วนที่ไปเบิกจ่ายในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2560 (Carry On) และเป็นช่วงของไตรมาส 4 ของปีปฏิทิน 2559

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับมาตรการกระตุ้นกับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2560 ที่ ครม. อนุมัติไปก่อนหน้านี้ จะทำให้ไตรมาสสุดท้ายของท้ายปี 2559 นี้มีงบลงทุนเข้าสู่เศรษฐกิจมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีวงเงิน 8.5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 0.5% ของจีดีพี 

“ส่วนงบประมาณประจำปี 2559 ที่ Carry On ไปเบิกจ่ายในงบประมาณปี 2560 เมื่อรวมกับมาตรการกระตุ้นการเบิกจ่ายที่อนุมัติไปแล้ว จะทำให้มีงบประมาณลงทุนเข้าไปสู่เศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 8.5 หมื่นล้านบาท หรือ 0.5% ของจีพีดี ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา” นายสมศักดิ์ กล่าว

สำหรับในช่วงปลายเดือน ส.ค. 2559 ครม.ได้อนุมัติมาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐเพื่อรักษาการขยายตัวของเศรษฐกิจให้ต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ดีขึ้น การส่งออกอาจจะยังถูกกระทบกระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า หากจะต้องรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท   

นอกจากนี้ ยังให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณจากส่วนของงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของปี 2559 และ 2560 รวม 2.5 หมื่นล้านบาท ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นๆ สำหรับการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานและส่งเสริมให้มีการลงทุนทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการส่งเสริมคุณภาพเกษตรกรรายย่อยที่ ครม. เมื่อวันที่ 27 ก.ย. อนุมัติให้กระทรวงการคลังดำเนินการ ซึ่งการจ่ายเงินให้ความช่วยเหลือเกษตรกรจะมีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาท/ปี รวม 2.8 ล้านรายนี้ จะทำให้มีงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ประมาณ 6,500 ล้านบาท เป็นโครงการที่ช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่ราคาสินค้าเกษตรยังไม่ดีขึ้นให้มีกำลังใช้จ่ายได้