posttoday

การรถไฟฯเร่งสางสัญญาเช่าที่ดิน

21 กรกฎาคม 2559

รฟท.เร่งสางสัญญาเช่าที่ดินกว่า 3,000 สัญญา เตรียมต่ออายุปีต่อปีระหว่างทบทวนอัตราค่าเช่าใหม่

รฟท.เร่งสางสัญญาเช่าที่ดินกว่า 3,000 สัญญา เตรียมต่ออายุปีต่อปีระหว่างทบทวนอัตราค่าเช่าใหม่

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) มีมติให้มีการปรับรื้อสัญญาณการเช่าที่ดินของ รฟท.ทั่วประเทศซึ่งมีทั้งหมดกว่าหมื่นสัญญาว่า รฟท.อยู่ระหว่างดำเนินการและแจ้งไปยังคณะอนุกรรมการ คนร.ว่ามีสัญญาเช่าที่ดินสิ้นสุดสัญญาประมาณ 3,000 กว่าสัญญา กำลังเร่งต่อสัญญาเช่าชั่วคราวแบบปีต่อปีให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการว่าจ้างสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ศึกษาแนวทางการพัฒนาและบริหารจัดการที่ดินทั้งหมด

ทั้งนี้ การกำหนดอัตราค่าเช่าที่ดิน รฟท.ในอดีตนั้น กำหนดไว้ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการประเมินเพื่อศึกษาและกำหนดอัตราที่เหมาะสมทั้งระบบ หากมีการประกาศโครงสร้างอัตราค่าเช่าที่ดินใหม่ ในขั้นตอนการปฏิบัติจะทยอยพิจารณาสัญญาเช่าที่ดินที่หมดอายุลงแล้ว หากโครงสร้างชัดเจนจะใช้เป็นฐานข้อมูลในการเจรจาและทำความตกลงกับผู้เช่าในสัญญาต่อๆ ไป

ขณะเดียวกัน ในส่วนของที่ดินแปลงใหญ่จะมีการคัดเลือกเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบของพีพีพี ตามขั้นตอนจะต้องมีการว่าจ้างศึกษารายละเอียดและแผนการลงทุน ก่อนจะเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาโครงการ ก่อนที่จะเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการพีพีพี เพื่อจะสามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโดยยึดตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน พ.ศ. 2556

“การบริหารที่ดินจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ที่ดินแปลงใหญ่จะพิจารณาจัดหาเอกชนเข้ามาร่วมทุน ส่วนที่ดินแปลงย่อยจะมีการทบทวนอัตราค่าเช่าที่ดินให้เหมาะสมกับสภาพและการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน” นายวุฒิชาติ กล่าว

นายวุฒิชาติ กล่าวอีกว่า ในส่วนที่ รฟท.เสนอขอเข้ามาบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงและส่วนต่อขยายนั้น ทาง คนร. ต้องการให้ รฟท.เสนอรายละเอียดกำหนดรูปแบบและแนวทางในการบริหารงานที่ชัดเจนและมีความเป็นไปได้ ดังนั้นจะต้องมีการศึกษาเพื่อกำหนดรายละเอียดและโครงสร้างการบริหารงานเสนอให้ คนร.เห็นชอบก่อน

“ ตอนนี้ รฟท.มีความพร้อมที่จะเข้าไปบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง แต่ คนร.อยากเห็นแนวทางและรูปแบบที่ชัดเจน ดังนั้น รฟท.จะต้องมีคำตอบให้กับ คนร.ด้วย ดังนั้นจะต้องมีการศึกษารายละเอียดในเรื่องนี้ก่อน” นายวุฒิชาติ กล่าว

ด้าน นายสราวุธ เบญจกุล ประธานคณะกรรมการ รฟท. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหาร รฟท. ตรวจสอบรายละเอียดสัญญาการเช่าที่ดินที่ทำไว้กับเอกชนทั่วประเทศ พร้อมระบุว่าแต่ละสัญญาจะสิ้นสุดเมื่อไร รวมทั้งเร่งดำเนินการต่อสัญญาชั่วคราวกับเอกชนที่หมดสัญญาแล้ว โดยจะต้องรายงานให้บอร์ดทราบทุก 2 สัปดาห์ เพื่อจะได้ทราบถึงอุปสรรคปัญหาเพื่อได้เร่งแก้ไข

“รายได้จากการเช่าที่ดินที่จะปรับเพิ่มนั้น ต้องรอผลการศึกษาก่อน แต่อัตราใหม่จะสะท้อนความเป็นจริงในตลาดปัจจุบัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นจึงจะพิจารณาว่าจะปรับขึ้นค่าเช่าในอัตราเท่าไรที่เหมาะสม ซึ่งแต่ละสัญญาจะมีแตกต่างกัน” นายสราวุธ กล่าว

ขณะเดียวกัน ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ในอนาคตจะมีการจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมารับผิดชอบบริหารจัดการรายได้เชิงพาณิชย์จากที่ดิน เนื่องจากทั้ง 2 โครงการใช้เงินลงทุนสูง การจะทำกำไรจากการเดินรถจึงเป็นไปได้ยาก