ครม.อนุมัติโครงการนาแปลงใหญ่-ลดปลูกข้าวนาปรัง 60
ครม.อนุมัติโครงการนาแปลงใหญ่ส่งเสริมเกษตรร่วมผลิต พร้อมอนุมัติงบโครงการลดปลูกข้าวนาปรังฤดูแล้งหน้า
ครม.อนุมัติโครงการนาแปลงใหญ่ส่งเสริมเกษตรร่วมผลิต พร้อมอนุมัติงบโครงการลดปลูกข้าวนาปรังฤดูแล้งหน้า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อทำโครงการนาแปลงใหญ่ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมเกษตรกร ร่วมผลิต ร่วมจำหน่ายเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มมูลค่าสินค้า โดยบางส่วนเกษตรกรต้องรับภาระการลงทุนบ้างเล็กน้อยเพราะรัฐไม่มีสามารถจัดหาเงินให้ทั้งหมดได้ เพราะคนจนมีหลายภาคส่วนที่รัฐต้องช่วยเหลือ ซึ่งทั้งหมดเป็นการวางแผนรองรับการใช้น้ำในฤดูแล้งหน้าด้วย
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบมาตรกรการช่วยเหลือเกษตรกรปีการผลิต 2559/2556 เพื่อปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวนาปรังเป็นพืชที่หลากหลายฤดูนาปรัง 2560 ทั้งนี้เพื่อลดปริมาณข้าวนาปรังและการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้ง และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
ทั้งนี้ประกอบด้วย 3 โครงการคือ 1. โครงการส่งเสริมการใช้เมล็ดข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ในพื้นที่ 23 จังหวัด พื้นที่ 6.4 แสนไร่ เกษตรกร 6.4 หมื่นครัวเรือน โดยกรมการข้าวจะสนับสนุนเมล็ดข้าวพันธุ์จำนวน 125 กก.ต่อครัวเรือน โครงการ 1 ปี เริ่ม เม.ย. 59- 10 ม.ค. 2660 ทั้งกรมกระทรวงเกษตรฯเสนอขอใช้งบกลางจำนวน 206 ล้านบาทแต่ครม.มีมติให้ไปปรับใช้เงินทุนหมุนเวียนของกระทรวงเกษตรฯ 200 ล้านบาท และเป็นงบรายจ่ายของกระทรวง 6 ล้าน
2.โครงการส่งเสริมการปลูกพืชอื่นที่หลากหลายแทนการปลูกข้าว เป้าหมาย 22 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา พื้นที่ 3 แสนไร่ โครงการ 1 ปี เม.ย. 2559-30 เม.ย. 60 เสนอขอใช้งบกลาง 648 ล้านบาท ทั้งนี้ครม.อนุมัติงบกลางให้ 636 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 11 ล้านให้กระทรวงเกษตรฯไปปรับใช้งบกระทรวง และ 3. โครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรที่ร่วมกันผลิตนาแปลงใหญ่ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)จะปล่อยกู้แปลงละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอเบี้ยว mlr - 1 หรือประมาณ 4% ทั้งนี้รัฐอนุมัติงบชดเชยดอเบี้ย 74 .55 ล้านบาท เพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้ โดยเกษตรกรเสียดอกเบี้ยเพียง 0.01% ระยะเวลาโครงการ พ.ค. 2559- 31 พ.ค. 61 ระยะเวลาชำระดอกเบี้ย 12 เดือน
นอกจากนั้นที่ประชุมครม.ยังอนุมัติงบกรอบวงเงินโครงการขยายเขตไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) วงเงิน 2,030 ล้านบาท โดยครม.มีมติอนุมัติกรอบวงเงินให้ กฟภ.กู้ในประเทศจำนวน 1,522 ล้านบาท และเป็นเงินของกฟภ.เอง 508 ล้านบาท ทั้งนี้ที่ประชุมนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานไปหารือกับกฟภ.เพื่อใช้พลังงานทดแทนในพื้นที่การเกษตร เพื่อลดภาระเงินกู้