posttoday

สั่งสกัดทุจริตทุกขั้นตอน

31 พฤษภาคม 2559

นายกฯ ประกาศจัดซื้อเมล์เอ็นจีวี 489 คัน และลงทุนรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนขยายต้องไม่มีทุจริตทุกขั้นตอน

นายกฯ ประกาศจัดซื้อเมล์เอ็นจีวี 489 คัน และลงทุนรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนขยายต้องไม่มีทุจริตทุกขั้นตอน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) สั่งการในที่ประชุม คตช.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เร่งรัดจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน และให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งแก้ปัญหาการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายทั้งระบบให้เสร็จใน 3 เดือน และจะต้องไม่มีการทุจริตในทุกขั้นตอน รวมทั้งกำหนดแนวทางเปิดเผยข้อมูลโครงการก่อสร้างของรัฐ

พล.อ.ประยุทธ์ ยังเร่งรัดให้บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ดำเนินการโครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 และหากมีงบคงเหลือให้นำไปพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา โดยให้ทำความเข้าใจกับกองทัพเรือถึงความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจการบิน ตลอดจนการแยกการจัดการด้านภารกิจความมั่นคงและการพัฒนาเชิงพาณิชย์

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้กรมบัญชีกลางสร้างความเข้าใจกับส่วนราชการในการนำระบบวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) มาใช้ป้องกันการทุจริต โดยเฉพาะในกรณีที่มีการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ส่วนราชการจะต้องบันทึกวิดีโอในขั้นตอนการประมูล เพื่อใช้เป็นหลักฐานการดำเนินโครงการ

ด้าน นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า กระทรวงได้จัดส่งรายละเอียดการลงทุนโครงการรถไฟทางคู่ 4 เส้นทาง คือ 1.ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 1.72 หมื่นล้านบาท 2.ช่วงนครปฐม-หัวหิน 2 หมื่นล้านบาท 3.ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ 2.48 หมื่นล้านบาท และ 4.ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 2.98 หมื่นล้านบาท ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาแล้ว เมื่อพิจารณาเสร็จก็จะทยอยเสนอโครงการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติต่อไป

สำหรับผลการเบิกจ่ายงบของหน่วยงานในสังกัดปีงบ 2559 พบว่า กรมทางหลวงเบิกจ่ายแล้ว 3.6 หมื่นล้านบาท หรือ 50% ของงบที่รับจัดสรร 7.79 หมื่นล้านบาท กรมทางหลวงชนบทเบิกจ่าย 2.69 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 58.49% ของงบที่รับจัดสรร 4.6 หมื่นล้านบาท และ รฟท. เบิกจ่าย 1.62 หมื่นล้านบาท หรือ 65.79% ของงบที่รับจัดสรร 2.46 หมื่นล้านบาท