ตรึงราคาปาล์มขวด

“พาณิชย์” เตรียมเรียกโรงกลั่นหารือต้นทุนปาล์มพุ่ง ยันไม่ขึ้นเพดานราคาเกิน 42 บาท/ขวดแน่

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้จะเรียกผู้ประกอบการโรงกลั่นและผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดมาหารือถึงสถานการณ์น้ำมันปาล์มในตลาด หลังจากต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นจนเกินราคาเพดานที่กรมการค้าภายในกำหนดให้ขายในราคาขวดละ 42 บาท (ลิตร) โดยราคาผลปาล์มสดปัจจุบันได้ขึ้นไปอยู่ที่ 5-5.5 บาท/กิโลกรัม (กก.)

ทั้งนี้ แม้ว่าต้นทุนผลปาล์มสดจะปรับสูงขึ้น แต่กรมจะไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด โดยยังคงราคาเพดานไว้ที่ 42 บาท/ขวด เนื่องจากมองว่าผู้ผลิตยังสามารถแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะยังมีสต๊อกน้ำมันปาล์มเหลือ 2.4 แสนตัน ซึ่งเป็นต้นทุนผลปาล์มสดที่ราคาเฉลี่ย 4.50 บาท/กก.เท่านั้น และอีก 2 เดือนข้างหน้าผลปาล์มสดฤดูกาลใหม่จะทยอยออกมาแล้ว ทำให้แนวโน้มราคาจะปรับตัวลดลงมาตามกลไกตลาด

ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคาผลปาล์มสดที่ปรับเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน 5.5-6 บาท/กก. ส่งผลให้การจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดต้องขายในราคา 45 บาท/ขวด หรือปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/ขวด จากราคาเพดานที่กำหนดให้ขาย 42 บาท/ขวด แต่ก็เป็นผลกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยผลปาล์มสดจะออกสู่ตลาดในอีกแค่ 1-2 เดือน ราคาผลปาล์มก็จะลดลง

“ดังนั้น เพื่อเป็นดูแลผู้บริโภค จึงไม่ควรปรับเพดานปาล์มขวดขึ้นมา อีกทั้งขณะนี้ยังมีทางเลือกให้ผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันถั่วเหลืองมาประกอบอาหารแทน เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันถั่วเหลืองในตลาดปรับลดราคาลงมาเหลือ 39 บาท/ขวด ซึ่งต่ำกว่าราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดและต่ำกว่าเพดานน้ำมันถั่วเหลืองที่กรมกำหนดให้ขายไม่เกิน 52 บาท/ขวด” แหล่งข่าวเปิดเผย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้สมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งประเทศไทยออกมาระบุว่า กลุ่มโรงสกัดและโรงกลั่นน้ำมันปาล์มกังวลต่อสถานการณ์ราคาผลปาล์มสดที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดน้อยลงส่งผลให้ราคาผลปาล์มสดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 5.60-5.75 บาท/กก. และทำให้โรงสกัดและโรงกลั่นเริ่มมีปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและเริ่มขาดทุน ทางโรงกลั่นต้องบวกต้นทุนการผลิตอีก 7-10 บาท/ขวด ทำให้ต้นทุนน้ำมันปาล์มบรรจุ ขวดจะอยู่ที่ 42-45 บาท/ขวด และเกรงว่าหากสถานการณ์ผลปาล์มสดยังออกน้อยต่อเนื่อง อาจกระทบทำให้โรงสกัดและโรงกลั่นไม่อยากผลิตสินค้าเพราะขาดทุน

ด้าน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวในงานวันคล้ายวันสถาปนา 74 ปี ของกรมการค้าภายในว่า ได้มอบนโยบายให้ดูแลราคาสินค้าต่อเนื่อง แม้ขณะนี้ราคาสินค้าบางรายการจะทรงตัวและมีแนวโน้มปรับลดลง เช่น ผักสด เนื้อหมู เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยจะใช้กลไกของโครงการ “หนูณิชย์ พาชิม” เข้าไปดูแลค่าครองชีพประชาชน โดยขณะนี้มีร้านอาหารจานด่วนเข้าร่วมโครงการหนูณิชย์ฯ แล้ว 1.06 หมื่นร้าน เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1 หมื่นร้าน แบ่งเป็นร้านในกรุงเทพฯ 3,698 ร้าน และภูมิภาค 6,983 ร้าน และยังคงมีผู้ประกอบการแสดงความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้มอบหมายให้จัดงานมหกรรมธงฟ้า อิ่มท้องทั่วไทยไปกับหนูณิชย์ ในโอกาสที่โครงการหนูณิชย์ พาชิม ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยงานจะจัดขึ้นวันที่ 1-5 มิ.ย. ณ ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ซึ่งประชาชนสามารถเลือกซื้ออาหารปรุงสำเร็จได้จากร้านหนูณิชย์ฯ ในราคาไม่เกิน 35 บาท/จาน/ชาม/ถุง และจะมีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด ซึ่งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สินค้าเกษตรชุมชน ฟาร์ม เอาต์เลต สินค้าจากตลาดต้องชมในราคาต่ำกว่าท้องตลาด 20-40%

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์จะจัดการอบรมการบริหารจัดการเบื้องต้นให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารหนูณิชย์…พาชิม และร้านธงฟ้า อีกด้วย