posttoday

4เดือนไทยเบอร์1ส่งออกข้าวโลก

18 พฤษภาคม 2559

ไทยส่งออกข้าว 4 เดือน เฉียด 4 ล้านตัน แซงอินเดียขึ้นเบอร์ 1 ด้านเอกชน 51 ราย แห่ประมูลข้าวรัฐ 1.2 ล้านตัน

ไทยส่งออกข้าว 4 เดือน เฉียด 4 ล้านตัน แซงอินเดียขึ้นเบอร์ 1 ด้านเอกชน 51 ราย แห่ประมูลข้าวรัฐ 1.2 ล้านตัน

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า จากสถิติการส่งออกข้าวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-3 พ.ค. 2559 ปรากฏว่าไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงถึง 3.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 30.75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นปริมาณการส่งออกข้าวที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก สูงกว่าอินเดียที่ส่งออกได้ 3.23 ล้านตัน ลดลง 20.78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเวียดนามส่งออกข้าวได้ 2.16 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปากีสถาน
ส่งออกได้ 1.72 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 14.94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“คาดว่าทั้งปีไทยจะส่งออกข้าวได้ 9.5 ล้านตัน ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวเบอร์ 1 ของโลกอีกครั้ง แซงหน้าอินเดียกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวเบอร์ 1 เมื่อปี 2558 ซึ่งอินเดียส่งออกข้าวได้ 10.9 ล้านตัน แต่ปีนี้ทางอินเดียคาดว่าจะส่งออกเพียง 8.8.5 ล้านตันเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งทำให้สต๊อกข้าวอินเดียลดลง ส่วนเวียดนามคาดว่าส่งออกได้6.7-7 ล้านตัน” นายชูเกียรติ กล่าว

นายชูเกียรติ กล่าวว่า ภาพรวมราคาข้าวในตลาดขณะนี้ถือว่าสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปรังลดลงจากภัยแล้ง ราคาข้าวเกือบทุกชนิดจึงปรับตัวสูงขึ้น ส่วนกรณีราคาข้าวเปลือกเหนียวที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าข้าวเปลือกหอมมะลิ 2,000 บาท/ตัน เป็นผลจากตลาดมีความต้องการข้าวเหนียวเพิ่มขึ้นทั้งตลาดจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-16 พ.ค. 2559 ไทยส่งออกข้าวได้แล้ว 3.91 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 6.09 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการส่งออกข้าวไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้น เป็นผลจากการที่ผู้ซื้อต่างประเทศกลับมาซื้อข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง

นางดวงพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา มีเอกชน 51 ราย ยื่นซองคุณสมบัติเพื่อประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลปริมาณ 1.2 ล้านตัน โดยในวันที่ 18 พ.ค.นี้ กรมจะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ยื่นซองให้แล้วเสร็จ จากนั้นจะประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 19 พ.ค. และเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลในวันเดียวกัน

“การเปิดยื่นซองคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลข้าวรอบนี้มีผู้สนใจจำนวนมาก เพราะผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดน้อยลง เนื่องจากปัญหาเรื่องภัยแล้ง จึงเชื่อว่าการประมูลรอบนี้ รัฐบาลจะระบายข้าวออกไปได้จำนวนมากและได้ราคาดี แต่อาจไม่สูงเท่าราคาตลาด เนื่องจากเป็นข้าวเก่า และหากระบายได้หมดจะทำให้สต๊อกข้าวรัฐบาลเหลือประมาณ 10 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้ 7 ล้านตัน เป็นข้าวที่เปิดประมูลเป็นการทั่วไปได้ ส่วนที่เหลือจะเปิดระบายสำหรับภาคอุตสาหกรรม” นางดวงพร กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการเรียกค่าเสียหายจากการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 6.2 ล้านตัน มูลค่า 2 หมื่นล้านบาทนั้น กรมอยู่ระหว่างการสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นที่ยังไม่ชัด เช่น เรื่องอำนาจหน้าที่การส่งหนังสือบังคับทางปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหายกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะเป็นกระทรวงพาณิชย์หรือหน่วยงาน และจะต้องแยกการดำเนินการระหว่างนักการเมืองและข้าราชการประจำหรือไม่ และแม้ว่าระยะเวลาการเรียกค่าเสียหายจะมีเวลา 2 ปี แต่ทุกอย่างจะได้คำตอบในเร็วๆ นี้

“ไม่หนักใจในการทำหน้าที่ เพราะไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และทุกอย่างมีกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายอยู่แล้วในการดำเนินงาน ซึ่งก็ต้องทำตามหน้าที่ แต่เมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องมีทั้งอดีตรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง จึงต้องรอบคอบ” นางดวงพร ระบุ