posttoday

ขึ้นภาษีดีเซลโปะงบ

14 มกราคม 2559

รัฐรีดภาษีดีเซลเพิ่ม 70 สตางค์/ลิตร ปั้มรายได้เข้าคลัง 1.5 หมื่นล้าน/ปี พลังงานห่วงยอดใช้น้ำมันทะยาน

รัฐรีดภาษีดีเซลเพิ่ม 70 สตางค์/ลิตร ปั้มรายได้เข้าคลัง 1.5 หมื่นล้าน/ปี พลังงานห่วงยอดใช้น้ำมันทะยาน

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2558 ได้มีการประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 132) โดยสาระสำคัญประกาศดังกล่าว กำหนดให้เพิ่มการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลผสมเป็น 4.95 บาท/ลิตร จากเดิมที่เก็บภาษีในอัตรา 4.25 บาท/ลิตร หรือเพิ่มขึ้น 70 สตางค์/ลิตร

ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ย 60 ล้านลิตร/วัน ดังนั้นการปรับเพิ่มภาษีดังกล่าวจะทำให้ภาครัฐมีรายได้จากภาษีน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นอีก 42 ล้านบาท/วัน หรือ 1,260 ล้านบาท/เดือน หรือ 1.53 หมื่นล้านบาท/ปี แต่จะไม่ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลจะลดการเก็บเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของดีเซลจากที่ปรับเพิ่มก่อนหน้านี้ 70 สตางค์/ลิตร หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง และทำให้ขณะนี้แทบจะไม่เก็บเงินในส่วนของดีเซลเข้ากองทุนเลย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับลดลงต่ำกว่า 20 บาท/ลิตรแล้ว โดยราคาขายปลีกอยู่ที่ 19.69 บาท/ลิตร หลังราคาน้ำมันในตลาดลดลง

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สาเหตุที่กระทรวงพลังงานไม่ปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อทำให้ราคาน้ำมันดีเซลไม่ลดลงต่ำกว่า 20 บาท/ลิตร ตามที่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้นั้น เนื่องจากกระทรวงพลังงานเห็นว่าการลดลงของราคาน้ำมันตลาดโลกรอบนี้ค่อนข้างแกว่งตัวอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้นมาอีก

"ในช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้กระทรวงพลังงานจะติดตามว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นอย่างไร ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นหรือไม่ รวมทั้งจะพิจารณาว่าจะโยกเงินจากฝั่งกองทุนไปไว้เก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มหรือไม่" แหล่งข่าวเปิดเผย

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ทิศทางราคาน้ำมันพบว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำไปจนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงเหลือ 26 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จึงคาดว่าราคาน้ำมันขายปลีกในไทยอาจยังมีโอกาสที่ราคาปรับตัวลดลงได้เล็กน้อย ทั้งในกลุ่มน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล

"กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่าภาวะเศรษฐกิจของจีนที่เริ่มชะลอตัว อาจส่งผล กระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก และทำให้ยอดการผลิตน้ำมันของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกยังคงสูงกว่ายอดใช้อยู่เล็กน้อย ส่งผลให้คาดว่าปีนี้ราคาน้ำมันดิบดูไบจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ระหว่างประมาณ 35-45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล" นายอารีพงศ์ กล่าว

นายอารีพงศ์ ระบุว่า กระทรวงพลังงานกังวลถึงยอดการใช้น้ำมันขายปลีกของไทย โดยเฉพาะกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่มีการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยพบว่าในปี 2558 ที่ผ่านมา มียอดการใช้น้ำมันสำเร็จรูปรวมทุกผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ประมาณ 4.2% ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลงจากไตรมาสแรกของปี 2558 จนถึงปัจจุบันประมาณ 10-12 บาท/ลิตร สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก

นอกจากนี้ การที่ผู้ใช้สลับการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกอย่างก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวีมาใช้น้ำมันบางส่วน ส่งผลให้ยอดการใช้น้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ไทยต้องนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น ดังนั้นกระทรวงจะขอความร่วมมือจากประชาชนลดการใช้น้ำมันหรือใช้ในยามจำเป็น เช่น การขับรถไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเลือกใช้ระบบขนส่งมวลชนแทนการขับรถยนต์ส่วนตัว เป็นต้น