posttoday

คัดทูตพาณิชย์ชั้นหัวกระทิปั้นส่งออกอาเซียน

07 กันยายน 2558

“สุวิทย์” เล็งปรับแผนทูตพาณิชย์บุกส่งออกใหม่ เน้นเลือกหัวกะทิคุมตลาดอาเซียน-อินเดีย-จีน ชี้เป็นตลาดมีศักยภาพ

“สุวิทย์” เล็งปรับแผนทูตพาณิชย์บุกส่งออกใหม่ เน้นเลือกหัวกะทิคุมตลาดอาเซียน-อินเดีย-จีน ชี้เป็นตลาดมีศักยภาพ

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์  รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯเตรียมปรับแผนการทำหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ใหม่ โดยจะคัดสรรบุคลากรที่เก่งระดับต้นๆมาเป็นฑูตพาณิชย์ในกลุ่มประเทศอาเซียน อินเดีย จีน และกลุ่มตะวันออกกลาง จากเดิมที่จะส่งคนเก่งๆไปประจำประเทศยุโรปหรือสหรัฐฯ เนื่องจากรัฐบาลจะให้ความสำคัญการส่งออกในกลุ่มประเทศดังกล่าวมากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียนที่กระทรวงจะส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีมีความเข้มแข็งในอาเซียนเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี

“นโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ต้องการให้ฑูตพาณิชย์รวมถึงเอกอัคราชทูต ลดการทำหน้าที่ในการรับแขกลงแล้วเพิ่มหน้าที่ในการความอำนวยความสะดวกหรือส่งเสริมให้เกิดการค้าขายกับไทยมากขึ้น เบื้องต้นในส่วนของการส่วนการคัดเลือกฑูตพาณิชย์จะเน้นหัวกะทิในประจำในอาเซียนก่อน”

อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆนี้กระทรวงพาณิชย์ก็จะเดินทางไปหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในการหาทำงานร่วมกัน ทั้งด้านแนวทางขับเคลื่อนการกระตุ้นเศรษฐกิจ, การสร้างความเข้มแข็งแก่ธุรกิจ และ การส่งออกไปยังตลาดต่างๆ โดยจะเน้นอาเซียนเป็นตลาดสำคัญ

“โครงการที่ทำร่วมกันกับเอกชนและมีประโยชน์มาก เช่น โครงการพี่จูงน้อง โดยการให้รายใหญ่เป็นพี่เลี้ยงให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีในการทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียนกับจีน แต่ยอมรับว่ายังมีจำนวนไม่มากนัก ดังนั้นกระทรวงต้องการที่จะเพิ่มพี่เลี้ยง และเพิ่มเอสเอ็มอีที่เข้าโครงการให้มากขึ้น”

ด้านนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จากนโยบายในการเร่งผลักดันการส่งออก โดยเชื่อมโยงภาคเอกชนและบูรณาการกับภาครัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกนั้น กรมได้พัฒนาระบบฐานข้อมูล พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการโมบายแอพพลิเคชั่น “DITP Connect” เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการได้เข้าถึงข้อมูลที่สำคัญทางการค้า ตอบสนองต่อความต้องการส่วนบุคคล สะดวก รวดเร็ว และครบคลุมข้อมูลยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและต่างชาติดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น 5,000 ราย โดยมุ่งเน้นสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นชาวไทย ซึ่งจะช่วยในการติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดโลก แยกตามตลาดและกลุ่มสินค้า โดยหากมีรายงานสถานการณ์ตลาดหรือสินค้าสำคัญ จากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่มีกว่า 60 แห่งทั่วโลก รายงานเข้ามายังกรมฯ ผู้ใช้บริการจะได้รับการแจ้งเตือนบนมือถือทันที  ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจทางการค้าการลงทุน ได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกยิ่งขึ้น