posttoday

ปาล์มเถื่อนล้นกดราคาร่วง

02 กันยายน 2558

ปมปัญหาใหญ่ที่ทำให้ราคาผลผลิตปาล์มในประเทศตกต่ำ คือ การลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน

โดย...สิทธิณี ห่วงนาค

เป็นการประชุมที่เคร่งเครียดและยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมงเต็ม หลังวันที่ 1 ก.ย. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางแก้ปัญหาราคาผลผลิตปาล์มสดที่ลดลงเหลือ 2.70-2.80 บาท/กิโลกรัม จากต้นเดือน ส.ค.ที่ราคาผลปาล์มยืนอยู่ที่ระดับ 4.10-4.20 บาท/กิโลกรัม ตามประกาศราคาแนะนำของกระทรวงพาณิชย์

“ที่ประชุมมีมติให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เดินหน้าตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) โดยเข้าไปซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดในปริมาณ 1 แสนตัน ที่ราคา 26.20 บาท/กิโลกรัม และให้โรงสกัดรับซื้อผลปาล์ม เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ 17% จากชาวสวนปาล์มที่ราคา 4.20 บาท/กิโลกรัม” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำเป็นการเฉพาะหน้า

ขณะที่มาตรการในระยะต่อไป ที่ประชุมมีมติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เจ้าของโรงไฟฟ้ากระบี่ใช้น้ำมันปาล์มดิบไปผสมกับน้ำมันเตาเพื่อเป็นเชื้อเพลิงปั่นกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบได้ 1 หมื่นตัน/เดือน พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมปรับสูตรน้ำมันไบโอดีเซลจาก บี7 เป็น บี10 และ บี20 เพื่อดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบออกจากระบบเป็น 7-8 หมื่นตัน/เดือน ส่วนมาตรการระยะยาวจะมุ่งเพิ่มผลผลิตปาล์มต่อไร่ รวมทั้งจะมีการทบทวนการเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มจาก 4 ล้านไร่ เป็น 7 ล้านไร่

แต่ทว่าการแก้ปัญหาปาล์มราคาตกต่ำยังมีอุปสรรคที่ต้องสะสางอีก เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ท้วงติงว่า หากการขึ้นทะเบียนชาวสวนปาล์มไม่ถูกต้อง อคส.จะไม่สามารถรับซื้อผลผลิตปาล์มทางอ้อม เพื่อทำให้ชาวสวนปาล์มขายผลผลิตที่ 4.20 บาท/กิโลกรัมได้ 

“มีชาวสวนปาล์มมาขึ้นทะเบียน 6,000 ราย แต่ปรากฏว่ามีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องเพียง 2,800 รายเท่านั้น คิดเป็นพื้นที่ปลูก 6 หมื่นไร่ เมื่อสกัดแล้วจะได้น้ำมันปาล์มดิบ 2 หมื่นตัน ขณะที่ชาวสวนบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าโครงการได้ เพราะมีพื้นที่ปลูกปาล์มมากกว่า 70 ไร่ จึงไม่เข้าเงื่อนไขที่ อคส.จะไปรับซื้อ จึงได้ให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมตรวจสอบและรับรองรายชื่อ ก่อนที่ อคส.จะเข้าซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรที่มีรายชื่อถูกต้อง”พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

เท่ากับว่าการเข้าไปรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของ อคส.ได้จริง เพื่อพยุงราคาปาล์มทางอ้อมจะต้องใช้เวลาพอสมควร แม้ว่าในที่ประชุมได้รับปาก พล.อ.ฉัตรชัย ว่าจะเร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มให้เสร็จภายใน 10 วันก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การสะสางปมปัญหาใหญ่ที่ทำให้ราคาผลผลิตปาล์มในประเทศตกต่ำ คือ การลักลอบการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากประเทศเพื่อนบ้านยังไม่ได้รับการคลี่คลายให้กระจ่าง

“มีแต่การพูด แต่หลักฐานไม่มี และขณะนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กนป. สั่งตั้งชุดเข้าตรวจสอบว่ามีการลักลอบจริงหรือไม่” พล.อ.ฉัตรชัย ระบุ ในขณะที่สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ณ วันที่ 1 ก.ย. อยู่ที่ 4.5 แสนตัน จากเดือน ก.ค.ที่สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 3.86 แสนตัน

จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้อย่างไรที่สต๊อกน้ำมันปาล์มจะเพิ่มขึ้นกว่า 7 หมื่นตัน ทั้งๆ ที่ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. เป็นช่วงที่ผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดน้อยกว่าความต้องการใช้มาก โดยปัจจุบันความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในประเทศอยู่ที่ 1.5 แสนตัน/เดือน แบ่งเป็นการบริโภคและใช้ในภาคอุตสาหกรรม 8 หมื่นตัน และผลิตไบโอดีเซล 7 หมื่นตัน/เดือน

นิยม ช่วยเกิด นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า สาเหตุที่น้ำมันปาล์มล้นสต๊อกไม่ได้เกิดจากผลผลิตปาล์มล้นตลาด เพราะในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงตลาดวาย ผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาดน้อย และจะเริ่มพีกอีกทีก็ปีหน้า

“มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มมากเกินไปจนโรงสกัดไม่รับซื้อผลผลิตจากชาวสวน ถ้าใครอยากรู้ไปดูได้เลยมีรถบรรทุกจากสงขลาและนครศรีธรรมราช บรรทุกถุงดำเต็มทุกวัน ชาวบ้านก็รู้ว่าเป็นถังน้ำมันปาล์ม แต่ไม่รู้ว่าผ่านหูผ่านตาเจ้าหน้าที่มาได้อย่างไร” นิยม กล่าว

สอดคล้องกับ วินิจ ดวงจิตร นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สต๊อกน้ำมันปาล์มที่เต็มอยู่ทุกวันนี้ เพราะมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มเข้ามา และถ้าสต๊อกของเอกชนยังเต็มอย่างนี้ เอกชนก็ไม่รับซื้อผลปาล์มจากชาวสวน