posttoday

กกร.จ่อหั่นเป้าส่งออกลบ4%

31 สิงหาคม 2558

กกร.จ่อหั่นเป้าส่งออก ติดลบ 4% จีดีพีโตไม่ถึง 3% หวังทีม ครม.ใหม่ฟื้นเศรษฐกิจ

กกร.จ่อหั่นเป้าส่งออก ติดลบ 4% จีดีพีโตไม่ถึง 3% หวังทีม ครม.ใหม่ฟื้นเศรษฐกิจ

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ในเดือน ก.ย.นี้คาดว่า กกร.จะมีการปรับตัวเลขการส่งออกและอัตราการเติบโตของจีดีพีใหม่ปี 2558 โดยเบื้องต้นส่งออกคาดว่าจะติดลบ 4% จากเดิมติดลบ 2% ขณะที่จีดีพีจะโตต่ำกว่า 3% จากเดิมคาดว่าจะโต 3.5%

ทั้งนี้ การปรับเป้าดังกล่าวปัจจัยหลักมาจากตัวเลขส่งออก 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ที่ล่าสุด ติดลบ 4.66% ขณะที่เศรษฐกิจภาพรวม โดยเฉพาะจีนยังชะลอตัว และตลาดส่งออกหลักยังไม่ดีขึ้น อีกทั้งยังต้องประเมินผลกระทบจากค่าเงินด้วย

สำหรับจีดีพีจะลดลงตามการส่งออกที่ลดต่ำ ดังนั้นจึงต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เหลือ ได้แก่ การบริโภคภายในประเทศ การท่องเที่ยว และการลงทุน ว่าจะสามารถฟื้นตัวมากน้อยเพียงใด เพราะจะมีส่วนในการขับเคลื่อนจีดีพี อีกทั้งต้องติดตามนโยบายด้านเศรษฐกิจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือคนมีรายได้น้อยและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

“ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้นักลงทุนต้องชะลอการขยายการลงทุนไปด้วย เพื่อรอดูความชัดเจนก่อน ดังนั้นหากรัฐบาลจะเร่งให้เกิดการลงทุนก็ควรปรับมาตรการใหม่ โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ต้องให้สิทธิประโยชน์การลงทุนที่จูงใจมากขึ้นในบางอุตสาหกรรม จากที่ถูกปรับลดลงไปตามยุทธศาสตร์ใหม่บีโอไอ” นายวัลลภ กล่าว

ด้าน นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า เบื้องต้น สรท.จะยังไม่ปรับเป้าส่งออกปีนี้ใหม่ จากก่อนหน้านี้ได้ปรับเป้าเป็นติดลบ 4.2% จากต้นปีที่คาดว่าจะติดลบ 2% โดยจะขอรอดูสถานการณ์ถึงสิ้นไตรมาส 3 ซึ่งตอนนี้ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยง และมีแนวโน้มแย่ลง จึงอาจทำให้ยอดส่งออกปีนี้ของไทยมีโอกาสติดลบ 4.7%

สำหรับมาตรการที่จะมาช่วยกระตุ้นการส่งออกปีนี้นั้น มองว่า คงจะลำบาก เพราะจะเข้าสู่เดือน ก.ย.แล้ว แต่ตัวเลขการส่งออกของไทยยังไม่ดีขึ้น และโดยทั่วไปในไตรมาส 4 คำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) จะเริ่มชะลอตัวลง

“การส่งออกไม่ใช่กระตุ้นตอนนี้แล้วจะเห็นผลทันที แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะเห็นผล ดังนั้นสิ่งที่ทีมเศรษฐกิจทำได้ทันทีตอนนี้ คือ เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เพื่อให้เห็นผลภายใน 3 เดือนมากกว่า รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้ผู้มีรายได้น้อยและเอสเอ็มอี”นายนพพร กล่าว