posttoday

คมนาคมมั่นใจเริ่มลงทุนเฟสแรก 2 เส้นทาง ต.ค.นี้

21 สิงหาคม 2558

คมนาคมชี้โครงการรถไฟไทย-จีนเป็นไปตามแผน มั่นใจเริ่มลงทุนเฟสแรก 2 เส้นทาง "กรุงเทพฯ – แก่งคอย" และ "แก่งคอย – นครราชสีมา" ภายใน ต.ค.นี้

คมนาคมชี้โครงการรถไฟไทย-จีนเป็นไปตามแผน มั่นใจเริ่มลงทุนเฟสแรก 2 เส้นทาง "กรุงเทพฯ – แก่งคอย" และ "แก่งคอย – นครราชสีมา" ภายใน ต.ค.นี้

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ว่า คณะกรรมการบริหารร่วมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย – จีน  ได้ประชุมกันมาแล้ว 5 ครั้งตั้งแต่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯวันที่  13 ม.ค. ถึงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา  โดยได้ข้อสรุปใน 4 ประเด็น คือ  1.ศึกษาความเหมาะสม สำรวจ ออกแบบ และก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนาดรางมาตรฐาน แบ่งพื้นที่เป็น 4 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ – แก่งคอย ระยะทาง 133 กิโลเมตร ช่วงที่ 2 แก่งคอย – มาบตาพุด 264.5 กิโลเมตร ช่วงที่ 3 แก่งคอย – นครราชสีมา 138.5 กิโลเมตร และช่วงที่ 4 นครราชสีมา – หนองคาย  355 กิโลเมตร

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาฝ่ายจีนได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเพื่อดำเนินการร่วมกับฝ่ายไทย เพื่อเป็นหลักในการศึกษา สำรวจ และออกแบบโครงการ ขณะที่ฝ่ายไทยเป็นหลักในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสังคม (EIA) และจัดเตรียมข้อมูลพื้นฐาน เช่น พื้นที่ เส้นทาง สถานที่ก่อสร้างสถานี และภาพถ่ายดาวเทียม เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของฝ่ายจีน รวมถึงช่วยทบทวน และวิเคราะห์ข้อมูลผลการศึกษา

"ขณะนี้การศึกษา สำรวจ ออกแบบ และก่อสร้าง ช่วงที่ 1 และช่วงที่ 3 มีความก้าวหน้ามาก คาดว่า จะสามารถสรุปจำนวนสถานี สัดส่วนแนวเส้นทางเดิม และเส้นทางใหม่ เพื่อใช้ในการออกแบบให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 21 สิงหาคม 2558 และสามารถเริ่มการก่อสร้างภายในเดือนตุลาคม 2558 ส่วนช่วงที่ 2 แก่งคอย – มาบตาพุด และช่วงที่ 4 นครราชสีมา – หนองคาย อยู่ระหว่างเร่งรัดการดำเนินงาน"รายงานข่าวกล่าว

2.รูปแบบความร่วมมือ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันดำเนินโครงการแบบ EPC (Engineering Procurement and Construction) ซึ่งเป็นการดำเนินงานด้านวิศวกรรม การจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อสร้าง ภายใต้กรอบความร่วมมือฯ ดังกล่าว จะตั้งบริษัทร่วมทุน ไทย – จีน เพื่อดำเนินการระบบรถไฟ และการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงสร้างพื้นฐาน ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า การลากจูง ระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม โดยจะหารือเกี่ยวกับสัดส่วนการลงทุนในบริษัทร่วมทุนต่อไป

สำหรับการก่อสร้าง ฝ่ายไทยจะรับผิดชอบงานโยธาและระบบรถไฟเป็นหลัก ฝ่ายจีนจะรับผิดชอบในส่วนที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การขุดเจาะอุโมงค์ การก่อสร้างช่วงที่เป็นสะพานและเนินเขา เป็นต้น เนื่องจากฝ่ายจีนมีความเชี่ยวชาญมากกว่า ส่วนรูปแบบการเดินรถ ฝ่ายจีนจะรับผิดชอบระบบรถ เช่น งานวางราง ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบจ่ายกำลังไฟฟ้า ศูนย์ควบคุมการเดินรถ เป็นต้น ฝ่ายไทยจะรับผิดชอบจัดหาวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือ เช่น ไม้หมอนรถไฟ ยางรองหมอนรางรถไฟ เป็นต้น

ขณะที่การเดินรถและซ่อมบำรุงแบ่งดำเนินงานเป็น 3 ระยะ ได้แก่  ปีที่ 1 – 3   ฝ่ายจีนจะเป็นหลักด้านการเดินรถและซ่อมบำรุง  ปีที่ 4 – 7   ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันรับผิดชอบในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน และหลังปีที่ 7  ฝ่ายไทยจะรับผิดชอบการเดินรถเอง โดยฝ่ายจีนเป็นที่ปรึกษา

3.รูปแบบการลงทุนและแหล่งเงินทุน จะระดมทุนหลายรูปแบบ เช่น เงินงบประมาณแผ่นดิน เงินกู้ภายในประเทศ เงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน และ/หรือ เงินกู้เชิงพาณิชย์จากธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของจีน (China EXIM Bank) การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย – จีน รวมถึงอาจมีการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น

4.การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการฝึกอบรมบุคลากร ฝ่ายจีนพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านเทคนิคทางราง ระบบควบคุม ระบบไฟฟ้า การเดินรถ การบำรุงรักษา ควบคู่กับการฝึกอบรม โดยจัดหลักสูตรการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญระหว่างไทย – จีน ให้สอดคล้องกับความต้องการของฝ่ายไทย และเมื่อไทยมีความพร้อม ฝ่ายจีนจะส่งมอบเรื่องการเดินรถ และการซ่อมบำรุงในสัดส่วนตามที่จะได้ตกลงกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 6 ในช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติในอีก 5 ประเด็น คือ 1.ติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการ การศึกษาความเป็นไปได้และการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ – แก่งคอย และช่วงที่ 3 แก่งคอย – นครราชสีมา ให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2558 รวมถึงการคัดเลือกแนวเส้นทาง และจุดที่ตั้งสถานี ซึ่งทั้งสองฝ่ายคาดว่าจะสามารถเริ่มงานก่อสร้างภายในเดือนตุลาคม 2558

2.การตั้งศูนย์ควบคุมและบริหารการเดินรถกลาง (OCC : Operation Control Center) โดยการออกแบบศูนย์ควบคุมการเดินรถเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทั้งการจัดการและควบคุมการใช้งานทางมาตรฐานขนาด 1.435 เมตร และรองรับการใช้งานราง ขนาด 1 เมตร ที่มีอยู่และที่จะมีในอนาคต

3.การพิจารณาร่วมทุนระหว่างไทย - จีน เพื่อดำเนินงานด้านระบบรถไฟ (Railway System) การให้บริหารเดินรถและซ่อมบำรุง (Operation and Maintenance) และด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Civil Work) โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และบริษัทกิจการร่วมค้าด้านรถไฟของจีน เป็นผู้ลงทุนหลัก ซึ่งรูปแบบการลงทุนของบริษัทร่วมทุนให้เป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทยและหลักปฏิบัติสากลทั่วไป และให้แต่ละฝ่ายแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาร่างเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อไป

4.ความร่วมมือด้านการเงิน เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเงินกู้และแหล่งเงินทุนสำหรับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China EXIM Bank) จะพิจารณาภาวะตลาดการเงินของไทย และส่งรายละเอียดเงื่อนไขเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย อายุเงินกู้ วงเงินกู้ ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ฝ่ายไทยพิจารณาต่อไป

5.การจัดหลักสูตรการฝึกอบรมและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ได้แก่ หลักสูตรระยะสั้นในปี 2558 สำหรับผู้บริหาร ระยะเวลา 40 วัน จำนวน 2 หลักสูตร ๆ ละ 30 คน สำหรับอาจารย์ ระยะเวลา 14 วัน จำนวน 2 หลักสูตร ๆ ละ 30 คน สำหรับหลักสูตรระยะกลางและระยะยาว จะเริ่มในปี 2559 และจะจัดการดูงานสำหรับผู้บริหาร ระยะเวลา 10 วัน จำนวน 2 หลักสูตร ๆ ละ 20 คน โดยฝ่ายจีนได้มอบให้มหาวิทยาลัยการขนส่งปักกิ่ง เป็นผู้รับผิดชอบการฝึกอบรม

ภาพประกอบข่าว

ข่าวล่าสุด

กองหลังผลัดกันรั่ว ! แมนยู เสมอเดือด บอร์นมัธ 4-4 ผลบอลพรีเมียร์ลีก