ไล่ฟ้องแพ่งทวงเงินข้าวเน่า2หมื่นล้าน

อคส.เดินหน้าฟ้องแพ่งเจ้าของโกดัง-16 เซอร์เวเยอร์ทวงเงินคืนหนี้ข้าว 2 หมื่นล้านบาท 

นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งผลการเก็บหลักฐานข้าวเน่าเสียที่เก็บอยู่ในโกดังที่ อคส. รับผิดชอบอยู่ประมาณ 4 ล้านตัน จากนั้น อคส.จะดำเนินการฟ้องร้องคดีทางแพ่งกับเจ้าของโกดังที่เกี่ยวข้อง 125 ราย และผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) อีก 16 ราย โดยคาดว่าในส่วน อคส. จะเรียกเงินค่าเสียหายกรณีข้าวเน่าคืนได้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

“ยอมรับว่าการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกเงินค่าเสียหายเพื่อนำมาคืนหนี้ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรอาจใช้เวลานาน” นางจินตนา กล่าว

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) วันที่ 28 ส.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ นบข.พิจารณาว่าการระบายข้าวเกรดซีที่มีอยู่ 4.6 ล้านตัน และข้าวเสียเป็นฝุ่นผง 1.29 ล้านตัน จะใช้วิธีการระบายแบบยกคลังหรือไม่

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศประเมินข้อดีและข้อเสียของการระบายข้าวเป็น 2 แนวทาง คือ 1.แยกข้าวดีและข้าวเสียให้ชัดเจนแล้วจึงระบายออก ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ขายได้ราคาดี แต่จะมีค่าใช้จ่ายในการคัดแยก เช่น ค่ายกกระสอบ และค่าตรวจเชื้อราตัวอย่างละ 2,000 บาท 2.ระบายออกแบบยกทั้งคลัง แต่วิธีนี้อาจถูกวิจารณ์ว่ารัฐจะเสียประโยชน์ เพราะส่วนใหญ่ข้าวในโกดังไม่เสื่อมสภาพทั้งหมด อีกทั้งต้องกำหนดราคาที่จูงใจให้เอกชนร่วมเสนอราคาแข่งขันกันให้ได้มากที่สุด

“แม้จะระบายกระสอบเดียว ผมก็ต้องคิดให้มาก และไม่เคยบอกต้องเอาไปเผาทิ้งทั้งหมด แต่ให้ระบายออกตามสภาพ โดยต้องเอาข้อดีข้อเสียมาคุยกัน ซึ่งทุกอย่างต้องโปร่งใส ไม่มีเอื้อพ่อค้ากลุ่มใดๆ ทั้งนั้น” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ตลาดข้าวช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสดใส เพราะมีความต้องการข้าวไปเก็บสต๊อกปลายปีในหลายตลาด เช่น ตลาดฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย