posttoday

กัมพูชาเดินหน้า แผนพัฒนาอุตสาหกรรม

24 มิถุนายน 2560

กัมพูชาให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

กัมพูชาให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

กัมพูชาอยู่ระหว่างการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะ 10 ปี ซึ่งกำหนดช่วงเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2558-2568 ตั้งเป้าหมายขยับอันดับของประเทศให้ไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ด้วยการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ให้เป็นเครื่องจักรสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

อรรจน์สิทธิ สร้อยทอง นักวิชาการส่งเสริมการลงทุน ชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เล่าว่า กัมพูชาให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เช่น พัฒนาเขตอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมสนับสนุนในภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับเครือข่ายการผลิตในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ทั้งนี้ ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนของกัมพูชา เริ่มอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงต้นปี 2559 ภายใต้การปรับปรุงและออกกฎหมายการลงทุนในประเทศหลายฉบับ  เช่น การอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนบริษัทออนไลน์แบบครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนในการประหยัดเวลาเดินทาง

การให้ส่งเสริมการลงทุนแก่บริษัทต่างๆ จากเดิมพิจารณาเป็นรายบริษัท เปลี่ยนเป็นการพิจารณารายโครงการ เช่นเดียวกับการพิจารณาให้การส่งเสริมการลงทุนบีโอไอของประเทศไทย หลังได้รับการร้องเรียนจากนักลงทุน จึงได้ปรับเปลี่ยน เพื่ออำนวยความสะดวกกับบริษัทที่เตรียมขยายการลงทุนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ รัฐบาลกัมพูชาได้ลดอัตราค่าไฟฟ้าแก่ภาคอุตสาหกรรม จากเดิมที่ต้นทุนกระแสไฟฟ้าในกัมพูชาถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงหากเปรียบเทียบกับประเทศรอบข้าง เช่น สปป.ลาว เวียดนาม โดยภายในปี 2561 นี้ รัฐบาลกัมพูชาตั้งเป้าหมายที่จะปรับลดอัตราค่าไฟของภาคอุตสาหกรรมให้อยู่ที่ระดับ 0.12 เหรียญสหรัฐ/กิโลวัตต์ จาก 0.18 เหรียญสหรัฐ/กิโลวัตต์

“การปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทำให้ปัจจุบันกัมพูชาสามารถดึงภาคเอกชนรายใหญ่จากทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ให้เข้าไปลงทุนจำนวนมาก เช่นเดียวกับนักธุรกิจไทยนั้นมีเข้าไปลงทุนในกัมพูชาในหลายอุตสาหกรรม เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูป” อรรจน์สิทธิ กล่าว

อย่างไรก็ตาม กัมพูชาก็ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มการเกษตรขนาดใหญ่ อาหารแปรรูป สิ่งทอ ที่ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถ และเชี่ยวชาญ ประกอบกับไทยและกัมพูชามีความใกล้ชิดกันมานาน และยังเป็นประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนที่สามารถเชื่อมโยงการค้าและการลงทุน เพื่อให้เกิดการเติบโตของทั้งสองประเทศไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน โดยบีโอไอมีกิจกรรมเพื่อสร้างความเชื่อมโยง หาพันธมิตร จับคู่ธุรกิจไทย-กัมพูชา เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในกัมพูชา

ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ บีโอไอเตรียมจัดกิจกรรม เพื่อเผยแพร่ผลการศึกษาข้อมูลด้านต่างๆ ของประเทศในกลุ่มอาเซียน และเชิญผู้แทนจากหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของแต่ละประเทศร่วมให้รายละเอียดเชิงลึกที่น่าสนใจ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดีสำหรับนักลงทุนไทย