posttoday

ไฟเขียวนมนิวซีแลนด์

25 พฤษภาคม 2560

ครม.ไฟเขียวแก้ข้อตกลงความร่วมมือไทย-นิวซีแลนด์ กำหนดนำเข้าผลิตภัณฑ์จากนมเพิ่มปีละ 10-20% ถึงปี 2563

ครม.ไฟเขียวแก้ข้อตกลงความร่วมมือไทย-นิวซีแลนด์ กำหนดนำเข้าผลิตภัณฑ์จากนมเพิ่มปีละ 10-20% ถึงปี 2563

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 23 พ.ค. มีมติเห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขภาคผนวกความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

สำหรับสาระสำคัญ คือการแก้ไขปริมาณการนำเข้าสินค้าของไทยที่มีมาตรการปกป้องสินค้าพิเศษ (SSG) ตามบัญชีแนบท้ายของความตกลง TNZCEP ซึ่งเป็นสินค้าที่ยังคงผลิตไม่พอกับความต้องการใช้ในประเทศ และการนำเข้าสินค้าเพิ่มจะช่วยให้อุตสาหกรรมโคนมไทยสามารถปรับตัวรองรับการเปิดเสรีในปี 2563 ได้ จึงเห็นควรให้แก้ไขเพื่อนำเข้าจากนิวซีแลนด์เพิ่มเติมจากข้อตกลงเดิมที่นำเข้าบางส่วนอยู่แล้ว ประกอบด้วยสินค้า 3 ชนิด คือ หางนม ไขมันเนย และเนยแข็ง เริ่มมีผลทางปฏิบัติในปี 2560 นี้

ทั้งนี้ การเพิ่มปริมาณสินค้านำเข้าทั้ง 3 ชนิดเป็นการเพิ่มเติมปริมาณการ นำเข้า โดยให้มีผลจนถึงปี 2563 มีรายละเอียดดังนี้ 1.นำเข้าไขมันเนย (AMF) ในปี 2560 เพิ่มเติมปริมาณนำเข้า 10% จากปริมาณการนำเข้าเดิม จากนั้นจะเพิ่มปริมาณอีกปีละ 10% ของปริมาณการ นำเข้าของปีก่อนหน้า 2.หางนม (Whey)ในปี 2560 ให้เพิ่มปริมาณการนำเข้า 20% จากปริมาณการนำเข้าเดิม หลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 20% จากปริมาณการนำเข้าของปีก่อนหน้า และ 3.เนยแข็ง (Cheese) ในปี 2560 ให้มีการ นำเข้าเพิ่มเติม 10% จากปริมาณการ นำเข้าเดิมจากนั้นให้เพิ่มปริมาณการ นำเข้าปีละ 10% ต่อปี จากปริมาณการ นำเข้าในปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 นี้ ฝ่ายไทยและนิวซีแลนด์ได้มีการทบทวนปริมาณสินค้านำเข้า 3 รายการ (6 พิกัดสินค้า) ของไทย ได้แก่ หางนม ไขมันเนย และเนยแข็ง ซึ่งประเทศไทยได้เสนอให้มี การปรับปริมาณการนำเข้าสินค้ากลุ่ม ดังกล่าว เนื่องจากพบว่าปริมาณสินค้า ที่มีการนำเข้าจริงจากนิวซีแลนด์ทั้ง 3 ประเภทสินค้านั้น มีปริมาณเพิ่มขึ้นและสูงกว่าเพดานที่กำหนดไว้มาก ซึ่งแสดงถึงความต้องการภายในประเทศที่เพิ่ม สูงขึ้นในขณะที่การผลิตภายในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ