posttoday

จัดระเบียบท่องเที่ยว เร่งปราบ 'ทัวร์ศูนย์เหรียญ'

25 ธันวาคม 2558

ภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดย...พีรดา ปราศรีวงค์

ภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาไทยสูงเป็นประวัติการณ์ลุ้นตัวเลขได้ถึง 30 ล้านคน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า เดือน ม.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมา ชาวต่างชาติจากเอเชียตะวันออกอย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เดินทางมาไทยเติบโตกว่า 40% โดยเฉพาะคนจีนหลั่งไหลมาเที่ยวไทยช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันเติบโตกว่า 70% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าปีนี้คนจีนจะมาไทยมากถึง 7.5-8 ล้านคน ส่วนปีหน้าจะทะลุ 10 ล้านคน

การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวแดนมังกรได้ตอกย้ำถึงความไม่พร้อมด้านการบริหารการท่องเที่ยวหลายประการ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม แหล่งท่องเที่ยว บุคลากร ฯลฯ โดยเฉพาะทัวร์ศูนย์เหรียญได้ฟื้นคืนชีพ กลับมาสร้างปัญหาให้บริษัททัวร์ที่ดีได้รับความเดือดร้อน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะงูกินหาง และส่วนหนึ่งเกิดจากการยินยอมพร้อมใจของผู้ประกอบการท่องเที่ยวเสียเอง รวมถึงการไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย

พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนาศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เล่าว่า สนช.ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจัง พร้อมร่วมจัดระเบียบให้กับภาคการท่องเที่ยวไทย เพื่อต้อนรับการเปิดเสรีอาเซียนในวันที่ 31 ธ.ค.นี้

โดย สนช.ได้ขอความร่วมมือจาก 5 หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปราม ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน และสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ปัญหาการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์จีน เพื่อให้ทุกหน่วยงานร่วมบูรณาการทำงานกันอย่างใกล้ชิด พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

สำหรับแนวทางความร่วมมือเบื้องต้นได้กำหนดไว้ 7 แนวทาง เช่น ห้ามไม่ให้มัคคุเทศก์ขายสินค้าและบริการให้นักท่องเที่ยวโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยปรับภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยวไทยในสายตาชาวจีน

วิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า ที่ผ่านมาธุรกิจท่องเที่ยวมีประโยชน์ทับซ้อนอยู่มาก ซึ่งทุกฝ่ายรู้ดี แต่ไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง หากมีการบังคับใช้กฎหมาย เชื่อว่าทัวร์ศูนย์เหรียญจะลดลงไปมากกว่าหายไปทันที

ทั้งนี้ สาเหตุที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญได้ เพราะต่างชาติได้ใช้นอมินีมาทำธุรกิจในไทย และรัฐยังไม่กล้าปราบปรามจริงจัง ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้เปรียบผู้ประกอบการไทย 3 ส่วน ได้แก่  1.เงินทุน 2.การทำธุรกิจแบบครบวงจร เช่น สายการบิน โรงแรม ที่พัก 3.การใช้ไกด์ประเทศตัวเอง ซึ่งปิดโอกาสการสร้างรายได้ของผู้ประกอบการ ส่งผลให้ต้องลดราคาแข่ง

“ถือเป็นเรื่องดีหาก สนช.จริงจังที่จะร่วมเป็นพยานในการแก้ปัญหา เพราะที่ผ่านมาการทำงานไม่จริงจังมากนัก เมื่อนักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไทย ทำให้ทัวร์ศูนย์เหรียญกลับมาอีก”

วิโรจน์ มองว่าในปีหน้าการเปิดอาเซียน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เพราะการหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวและการเคลื่อนย้ายแรงงาน ชาวอาเซียนอาจสวมสิทธิการทำงานไกด์ ซึ่งในส่วนนี้ต้องเร่งกวดขันใบอนุญาตอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ กรมการท่องเที่ยวต้องเร่งอบรมพัฒนาไกด์ไทยให้มีคุณภาพมาตรฐาน มากกว่าโต้แย้งว่าไกด์ขาดแคลน ซึ่งมองว่าหลายภาษายังไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนไกด์

ด้าน เจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาเป็นแบบต่างฝ่ายต่างทำ โดยไม่มีการบูรณาการทำงานที่แท้จริง ทำให้การแก้ไขไม่ส่งผลในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นการแก้ไขแบบย่ำอยู่กับที่ ซึ่งที่ผ่านมาแอตต้าได้ขอความร่วมมือกับสมาชิกกว่า 300 บริษัท ไม่ให้จำหน่ายทัวร์ที่ต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันทัวร์ศูนย์เหรียญ

การนับถอยหลังสู่การเปิดเสรีอาเซียน และปีใหม่ที่จะถึงนี้ ภาพการร่วมมือกันที่กำลังเกิดขึ้น ต่างเป็นความหวังของคนในวงการท่องเที่ยวว่า อุตสาหกรรมนี้อาจจะสามารถแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญได้สำเร็จ