posttoday

เวียดนามยังน่าสนใจ นักลงทุนไทยอย่าตกขบวน

21 กรกฎาคม 2558

ตอนนี้เศรษฐกิจเวียดนามยังคงเติบโต ธุรกิจเกือบทุกประเภทกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

โดย...เจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ กรรมการบริหารเคพีเอ็มจี ประเทศไทย [email protected]

ตอนนี้เศรษฐกิจเวียดนามยังคงเติบโต ธุรกิจเกือบทุกประเภทกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตจนมีกระแสพูดถึงความเป็นไปได้ที่ฟองสบู่อสังหาฯ จะก่อตัวอีกครั้ง หลังจากที่แตกไปแล้วในปี 2555 อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ในเวียดนามยังคงปล่อยสินเชื่อให้กับนักลงทุน รวมถึงปล่อยเพื่อการซื้อบ้านและรถยนต์ด้วยอย่างต่อเนื่อง เวียดนามจึงเป็นเป้าหมายของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ทั่วโลก

ปัจจุบันหากนับรวมธนาคารท้องถิ่นและต่างชาติที่มีสาขาในเวียดนามมีมากกว่า 100 ธนาคาร รวมถึงธนาคารไทยด้วย ระบบการเงินของเวียดนามพัฒนาขึ้นมาก มีเสถียรภาพสูงเมื่อเทียบกับอดีต จุดนี้ต้องให้เครดิตแก่ธนาคารกลางที่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้เสีย เงินเฟ้อ เงินฝืด การผันผวนของค่าเงินและอัตราการแลกเปลี่ยนได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้คนเวียดนามมั่นใจในค่าเงินด่อง เงินสดจึงไหลเข้าสู่ตลาด กระตุ้นเศรษฐกิจให้โตต่อเนื่อง

ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณธาราบดี ซึ้งอดิชัยวิทย์ ผู้จัดการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพสาขาในเวียดนาม และผู้จัดการสาขาโฮจิมินห์ ซิตี้ ซึ่งจะมาช่วยสะท้อนภาพเศรษฐกิจของเวียดนามจากมุมมองของนายธนาคารซึ่งดูแลลูกค้าทั้งไทย เวียดนาม และต่างประเทศผ่านช่วงเวลาความท้าทายต่างๆ ในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา

ธนาคารกรุงเทพดำเนินการในเวียดนาม 2 สาขา คือ โฮจิมินห์ ซิตี้ และฮานอย โดยเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่ธนาคารกรุงเทพให้ความสำคัญ เพราะระบบการเงินที่พัฒนาขึ้นมาก ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาต่อเนื่อง โดยสัดส่วนลูกค้าของธนาคารเป็นคนไทย 40% เวียดนาม 30% และที่เหลืออีก 30% เป็นลูกค้าชาติอื่นๆ

กลยุทธ์เสือตัวใหม่ในอาเซียน

เวียดนามเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูงมาก มีจีดีพีเฉลี่ย 7% ต่อปี และการใช้จ่ายของประชาชนเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับเวียดนามได้ลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans- Pacific Strategic Economic Partnership Agreement : TPP) กับ 12 ประเทศ ได้แก่  ออสเตรเลีย บรูไน ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เปรู สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา เวียดนาม เม็กซิโก แคนาดา และนิวซีแลนด์ และลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) และระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalised System of Preference : GSP) กับอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะกับสหภาพยุโรปซึ่งเพิ่งเซ็น FTA กับเกาหลีใต้ไปเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าให้กับเวียดนามอย่างมหาศาล โดยสามารถส่งออกสินค้าไปประเทศคู่สัญญาได้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบและชิ้นส่วนอุตสาหกรรมได้ต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง ซึ่งจะส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตหลักของภูมิภาคในอนาคต

ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

คุณธาราบดี เห็นว่าเวียดนามเป็น Best Destination ของนักลงทุน เพราะมีประชากรที่กำลังยกระดับเป็นประชากรที่มีรายได้ในระดับปานกลาง (Middle Income) ขนาดใหญ่มาก ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีประชากรกลุ่มนี้ถึง 30 ล้านคน ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและเป็นผู้กระตุ้นหลักของระบบเศรษฐกิจ ปัจจัยต่อมาคือ แรงงานในเวียดนามยังคงมีต้นทุนที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และการเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ ทำให้มีนโยบายการเงินและการคลังที่ชัดเจน รวมถึงมีสิทธิประโยชน์มากมายที่เอื้อให้แก่นักลงทุน โดยรัฐบาลยืนยันที่จะไม่ยึดกิจการเป็นของรัฐ อนุญาตให้ส่งเงินทุนและกำไรกลับประเทศได้ รวมถึงไม่เรียกเก็บภาษีเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุก่อสร้าง

ไทยชิงจังหวะ ปักหมุดธุรกิจ

นักธุรกิจส่วนใหญ่มาเวียดนาม เพราะเป็นฐานผลิตค่าแรงต่ำ มีวัตถุดิบทางการเกษตร มองตลาดประชากรที่มากกว่า 90 ล้านคน อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากข้อตกลง TPP ซึ่งเอื้อให้การส่งออกง่ายขึ้น ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสทองของนักธุรกิจไทย เพราะเวียดนามมีปัญหาพิพาทเรื่องหมู่เกาะอยู่กับจีน คนเวียดนามจึงหันมาใช้สินค้าไทยมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคและบริโภคทั่วไป เช่น ขนม สบู่ เครื่องสำอาง และมีแนวโน้มที่จะใช้สินค้าไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสินค้าไทยเป็นสินค้าคุณภาพดีและราคาที่เหมาะสม

คุณธาราบดี แนะนำว่ามีธุรกิจอยู่ 3 ประเภทที่น่าสนใจมาก คือ ธุรกิจร้านอาหารไทย เพราะรสชาติถูกปากคนเวียดนาม และกฎหมายเอื้อให้ต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจ และดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหุ้นส่วนชาวเวียดนาม ธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยเจาะตลาดคนชั้นกลาง เพราะมีอำนาจในการซื้อที่เพิ่มขึ้น สุดท้าย ธุรกิจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ เพราะเวียดนามกำลังเร่งสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งเทรนด์ธุรกิจนี้น่าจะเหมือนในกรุงเทพฯ ราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และนักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อบ้านและอพาร์ตเมนต์และปล่อยให้เช่าได้ 100% ตามกฎหมายแล้ว

ความท้าทายสู่ความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่เปิดกว้างนี้ก็ยังมีสิ่งที่ท้าทายอยู่ และควรศึกษาให้ดีก่อนเดินหน้าลุย ข้อแรกคือ นักธุรกิจไทยไม่ได้เข้ามาเป็นกลุ่มธุรกิจ (Cluster) แบบประเทศอื่น ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแบบตัวใครตัวมัน จึงไม่มีระบบโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่ครบวงจรเหมือนญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ และอีกข้อคือพฤติกรรมการบริโภคของคนเวียดนามแตกต่างจากคนไทย นอกจากนี้คนเวียดนามภาคเหนือและใต้ก็มีพฤติกรรมการบริโภคต่างกันด้วย

ธนาคารกรุงเทพ หนึ่งในธนาคารใหญ่ของประเทศไทย ยังให้ความสำคัญกับตลาดนี้ โอกาสมีอยู่มากมายในเวียดนาม แต่นักธุรกิจไทยต้องเลือกให้เหมาะ ทำแผนธุรกิจที่ชัดเจน ปฏิบัติตามกฎระเบียบของเวียดนาม มีแผนเรื่องเงินทุนที่รัดกุม เพราะการจะประสบความสำเร็จในเวียดนามได้ ต้องใช้เวลาในการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและความต้องการที่ซับซ้อน แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดเวียดนามคือตลาดที่น่าลงทุนและมีโอกาสเติบโตอย่างมาก

ข่าวล่าสุด

อัปเดต! เลือกตั้งล่วงหน้าวิธีลงทะเบียน-ใช้สิทธิ์ 3 ช่องทาง