posttoday

‘โน้ต’ ปลุกยอดขายนิสสัน

10 เมษายน 2560

นับได้ว่าเป็นรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) รุ่นที่ 3 สำหรับ “นิสสัน โน้ต” จาก บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย)

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

นับได้ว่าเป็นรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) รุ่นที่ 3 สำหรับ “นิสสัน โน้ต” จาก บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่เป็นเจ้าตลาดและเป็นรายแรกที่ผลิตและส่งรถยนต์อีโคคาร์ลงสู่ตลาดในประเทศไทย และยังคงทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยชูผลิตภัณฑ์เด่นเป็นอีโคคาร์มาโดยตลอด

นับตั้งแต่เปิดตัว นิสสัน โน้ต ไปในวันที่ 17 มี.ค. 2560 จนกระทั่งถึงปัจจุบันต้องเรียกได้ว่าผลการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีจากกลยุทธ์การทำการตลาดที่เน้นด้านออนไลน์มาร์เก็ตติ้งเป็นหลัก สร้างความแตกต่างและท้าทายด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยที่ไม่มีรถยนต์ในโชว์รูมให้ผู้บริโภคได้สัมผัส มีแต่เพียงการแนะนำข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ และการลงทะเบียนล่วงหน้า ซึ่งเจาะกลุ่มไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของนิสสันและกลุ่มผู้ที่สนใจ พร้อมการให้ข้อเสนอพิเศษสำหรับ 2,017 คันแรก ด้วยส่วนลด 2 หมื่นบาท ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนเข้ามามากกว่า 7,000 ราย

จากจำนวนผู้ลงทะเบียนนั้น นิสสัน คาดหวังจะเปลี่ยนแปลงเป็นยอดจองจริงได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ซึ่งการทำกลยุทธ์นี้ถือได้ว่าเป็นการบริหารจัดการด้านการผลิตที่ดี เนื่องจากผู้ที่ลงทะเบียนเข้ามาจะระบุความต้องการรุ่นและสี ทำให้ไม่ต้องคาดการณ์กำลังการผลิตล่วงหน้าป้องกันปัญหาการคาดการณ์ผิดพลาด

“เดิมใช้วิธีคาดการณ์ตลาดมาโดยตลอด อาจทำให้มีรุ่นที่เหลือหรือสีที่เหลือซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และอาจทำให้ลูกค้าต้องใช้ระยะเวลารอรถยนต์ตามความต้องการนาน แต่วิธีการนี้ทำให้ไม่ต้องมีการคาดการณ์และลูกค้าสามารถได้รถยนต์ที่ต้องการ ทำให้การบริหารจัดการการผลิตและสต๊อกสินค้าไม่ผิดพลาด” อันตวน บาร์เตส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าว

อันตวน กล่าวว่า ในช่วงเดือน ก.ค.-พ.ย. 2559 ถือเป็นช่วงที่บริษัทอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงาน และช่วงเวลาตั้งแต่ต้นปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของปีงบประมาณของบริษัท และถือได้ว่าเป็นช่วงกอบกู้ ซึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งที่จะเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นยอดขายของบริษัทคือ “นิสสัน โน้ต” ที่จะเข้ามาสร้างส่วนแบ่งตลาดรวมให้บริษัทเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 6.5% หลังจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2559 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 6.5%

สำหรับการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของรถยนต์อีโคคาร์รุ่นดังกล่าว ได้กำหนดตำแหน่งไว้ว่าจะสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (บี-เซ็กเมนต์) ถึงแม้ผลิตภัณฑ์จะอยู่ในกลุ่มอีโคคาร์ก็ตาม จากการเก็บข้อมูลตัวเลขของตลาดพบว่า กลุ่มบี-เซ็กเมนต์ที่รวมกับกลุ่มอีโคคาร์อยู่ที่ 28% ของภาพรวมตลาดรถยนต์ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ

ดังนั้นเอง “นิสสัน โน้ต” จึงถูกนำเอาเทคโนโลยีและขนาดความใหญ่เป็นจุดขายที่สร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดอีโคคาร์ และให้เป็นที่กล่าวขานถึงความนิยมในกลุ่มรถยนต์อีโคคาร์เช่นเดียวกับ นิสสัน มาร์ช และ นิสสัน อัลเมร่า อีโคคาร์ 2 รุ่นแรกของนิสสัน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี

“โพสต์ทูเดย์” ได้มีโอกาสได้ร่วมสัมผัสสมรรถนะและเทคโนโลยีของ “นิสสัน โน้ต” ซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยี ได้แก่ Intelligent Around View Monitor (AVM) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวที่มีจออยู่ในกระจกมองหลัง และระบบ Intelligent Forward Collision Warning (FCW) ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า รวมถึง ระบบ Intelligent Emergency Braking ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบช่วยเตือนก่อนการชน โดยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วด้วยกล้องด้านหน้า แล้วช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถอัตโนมัติ พร้อมเทคโนโลยีระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning - LDW) ซึ่งเป็นครั้งแรกในรถระดับเดียวกัน

ขณะที่เครื่องยนต์ยังเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ กำลังสูงสุด 79 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ ซีวีที บล็อกเดียวกับ นิสสัน มาร์ช และ อัลเมร่า แต่ก็ให้อัตราการตอบสนองที่ไม่ขี้เหร่ถึงแม้ตัวถังจะมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ตาม โดยอีกจุดเด่นคือความอเนกประสงค์ของการปรับเบาะที่นั่งให้สามารถบรรทุกสัมภาระและผู้โดยสารได้หลากหลายรูปแบบ และการเปิดประตูหลังที่กว้างเป็นพิเศษถึง 85 องศา ซึ่งสามารถเข้าออกได้สะดวกยิ่งขึ้น

“นิสสัน โน้ต” จึงถูกให้เป็นผลิตภัณฑ์แห่งความหวังที่จะมาช่วยผลักดันยอดขายในช่วงกอบกู้ โดยสนนราคาขายอยู่ที่ 5.68 แสนบาท และ 6.4 แสนบาท ถ้าเทียบกับความคุ้มค่าละก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว