posttoday

อินซ์เคปฯ ชูประสบการณ์ดันยอดขาย

20 มีนาคม 2560

เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังในปีนี้สำหรับ บริษัท อินซ์เคป (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังในปีนี้สำหรับ บริษัท อินซ์เคป (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ภายหลังการเปลี่ยนมือจากผู้แทนจำหน่ายรายเดิม

ชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินซ์เคป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ยอดขาย 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ของปี 2560 อยู่ที่ 33% ของยอดขาย รวมทั้งหมดที่ตั้งไว้ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายหรือมากกว่าที่วางไว้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ สัดส่วนยอดขายปัจจุบันแบ่งตามรุ่นได้ดังนี้ จากัวร์ เอฟ-เพซ อยู่ที่ 25% เรนจ์โรเวอร์ อีโวค 20% เรนจ์ โรเวอร์ ไฮบริด 15% เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด 10% และอื่นๆ 30%

ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เติบโตมาจากสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีใหม่ส่งผลให้ราคาขายของ เรนจ์ โรเวอร์ ไฮบริด ลดลงจาก 11-12 ล้านบาท เหลือ 9.9 ล้านบาท ผู้บริโภคจึงให้การตอบรับผลิตภัณฑ์ที่ดีและส่งผลต่อเนื่องถึงยอดขายของบริษัทที่เติบโต

ขณะที่กลยุทธ์หลักในปีนี้ของบริษัทจะเน้นสร้างประสบการณ์การขับขี่ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสผลิตภัณฑ์ ด้วยการจัดโรดโชว์ตามจังหวัดที่มีศักยภาพ เริ่มต้นจาก จ.ภูเก็ต ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และมียอดขายคิดเป็น 20% ของยอดขายรวม สำหรับสัดส่วนยอดขายระหว่างกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดในปัจจุบันอยู่ที่ 70% ต่อ 30% ตามลำดับ

นอกจากนั้น ด้านบริการหลังการขายในปีนี้ยังได้มีการเปิดตัวรอยัลตี้โปรแกรม "แบล็กการ์ด" สำหรับลูกค้าคนพิเศษใช้ในการรับสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ ส่วนลดในการซื้ออุปกรณ์ตกแต่ง บริการรถยนต์รับ-ส่งลูกค้าจากโชว์รูม และบริการรับรถยนต์เข้าตรวจเช็กระยะ เป็นต้น

อีกทั้งการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการให้บริการดูแลบำรุงรักษารถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ (เซอร์วิสพาร์ตเนอร์) เริ่มแห่งแรกที่ พรพิชัยการช่าง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่มีประชากรรถยนต์ของจากัวร์และแลนด์โรเวอร์อยู่จำนวนมาก โดยบริษัทจะทำการอบรมบุคลากรให้ความรู้ รวมถึงการควบคุมมาตรฐานการให้บริการ สามารถครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ทั้งบริการซ่อมบำรุงและซ่อมสีตัวถัง

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นต้นแบบในการขยายเซอร์วิสพาร์ตเนอร์ไปยังจังหวัดต่างๆ อาทิ เชียงใหม่ เป็นต้น สำหรับแผนการขยายศูนย์จำหน่ายและบริการจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ ด้วยการลงทุนของบริษัท โดยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายศูนย์จำหน่ายและบริการในรูปแบบผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) หลังจากนี้ พร้อมทั้งแผนการขยายออกสู่ต่างจังหวัดในปี 2562 ซึ่งสอดคล้องกับแผนผลิตภัณฑ์และการเติบโตของตลาดตามการคาดการณ์ของบริษัท

ด้านแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ บริษัทเตรียมแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 รุ่น ได้แก่ แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ ใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร และเรนจ์โรเวอร์ เวลา เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่อยู่ระหว่าง เรนจ์โรเวอร์ อีโวค กับ เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต

"แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทยจะสอดคล้องกับแผนการเปิดตัวในระดับโลกที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะเปิดตัว 2 รุ่นต่อปี"

ล่าสุดบริษัทได้จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ บนเส้นทาง ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ระยะทางกว่า 800 กิโลเมตร โดยได้นำผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มที่มีจำหน่ายในประเทศไทย มาให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ได้แก่ จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Pace) จากัวร์ เอ็กซ์อี (Jaguar XE) จากัวร์ เอ็กซ์เจ (Jaguar XJ) เรนจ์ โรเวอร์ ไฮบริด (Range Rover Hybrid) เรนจ์ โรเวอร์ สปอร์ต ไฮบริด (Range Rover Sport Hybrid)

ไฮไลต์ที่ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้สำหรับ จากัวร์ เอฟ-เพซ ซึ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ (เอสยูวี) รุ่นแรกของจากัวร์ ในระดับโลกและในประเทศไทย ก็เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ร่วมอยู่ในกิจกรรมครั้งนี้เช่นเดียวกัน "โพสต์ทูเดย์" จึงขอหยิบยกรถยนต์รุ่นดังกล่าวมานำเสนอหลังจากที่ได้ลองขับ

จุดเด่นของ จากัวร์ เอฟ-เพซ คันนี้ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของรถยนต์นั่งอันเลื่องชื่อของ จากัวร์ แต่เมื่อสัมผัสกับท้องถนนเมืองไทย จุดเด่นที่ว่านี้อาจจะทำให้รับรู้ได้ถึงสัมผัสทุกอณูของผิวถนนแต่ดีที่มีความนุ่มนวล

ด้านการออกแบบหน้าตาดูหล่อเหลาเอาการด้วยเอกลักษณ์ของจากัวร์ตั้งแต่กระจังหน้าและเส้นสายรายละเอียดต่างๆ ดูลงตัวชวนให้เหลียวมอง

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและการตกแต่งภายในห้องโดยสารชวนให้มีความภาคภูมิใจในการขับขี่และสามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการภายในรถยนต์คันนี้ ซึ่งโดดเด่นตามกระแสโลกออนไลน์ด้วย Wi-Fi Hotspot ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารได้สูงสุด 8 อุปกรณ์ เปลี่ยนรถยนต์ให้เป็นโมบายออฟฟิศและศูนย์กลางความบันเทิงได้ดูเข้าที

เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 129 กรัม/กิโลเมตร สามารถตอบสนองได้ดีทุกย่านความเร็วและคล่องตัวในการขับขี่อย่างสนุกสนาน

ไม่แปลกใจเลยที่รถยนต์คันนี้มีสัดส่วนยอดขายสูงสุด ซึ่งสนนราคาขายอยู่ที่ 5.49 ล้านบาท คุ้ม !!