posttoday

"เรโนลต์-นิสสัน"จับมือไมโครซอฟท์ระบบเชื่อมต่อรถอัจฉริยะ

28 กันยายน 2559

"เรโนลต์-นิสสัน"ร่วมกับไมโครซอฟท์เดินหน้าพัฒนาระบบเชื่อมต่อรถยนต์ หวังเพิ่มความสามารถของรถยนต์ให้หลากหลายมากขึ้น

"เรโนลต์-นิสสัน"ร่วมกับไมโครซอฟท์เดินหน้าพัฒนาระบบเชื่อมต่อรถยนต์ หวังเพิ่มความสามารถของรถยนต์ให้หลากหลายมากขึ้น

กลุ่มบริษัท เรโนลต์ ประเทศฝรั่งเศส และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น  ซึ่งเป็นพันธมิตรกลยุทธ์ทางธุรกิจร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2542 ได้ร่วมกับไมโครซอฟท์ เพื่อพัฒนาบริการเชื่อมต่อสำหรับรถยนต์ในอนาคตด้วย Microsoft Azure ระบบปฏิบัติการในรูปแบบคลาวด์อัจฉริยะ อาทิ ระบบนำทางขั้นสูง การคาดการณ์ของการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะที่แม่นยำสูงจากข้อมูลที่ได้จากตัวรถยนต์เป็นหลัก บริการตรวจสอบระยะไกลในอุปกรณ์ต่างๆ ของรถยนต์ การใช้รถยนต์ร่วมกับอุปกรณ์สื่อสารเช่น สมาร์ทโฟนต่างๆ ไปจนถึงการอัพเดทข้อมูลต่างๆ ของรถแบบไร้สาย

นายโอกิ เรดซิค (Ogi Redzic) รองประธานอาวุโสของพันธมิตรเรโนลต์-นิสสันด้านการเชื่อมต่อและอุปกรณ์สื่อสาร กล่าวว่า รถยนต์ในอนาคตจะเชื่อมต่อได้อย่างอัจฉริยะ มีความเป็นส่วนตัว และยังมีหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ด้วยการร่วมมือกับไมโครซอฟท์ จะช่วยให้เราสามารถบรรลุถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าของเรามากขึ้น รวมถึงโอกาสในการแนะนำบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากความคาดหมายของลูกค้า ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการที่สามารถเชื่อมต่อต่างๆ ภายใต้แพลตฟอร์มเดียวกันทั่วโลก

สำหรับพันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่บุกเบิกระบบขับขี่อัจฉริยะอัตโนมัติ หรือ Autonomous Driving สำหรับตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายการพัฒนาเทคโนโลยีการเชื่อมต่อต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดตัวรถยนต์อีกกว่า 10 รุ่นภายในปี 2020 และด้วยความมุ่งมั่นนี้ พันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน ได้พัฒนาบริการในรูปของระบบเชื่อมต่อและแอพพลิเคชัน ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อทั้งด้านการทำงาน การใช้ชีวิตส่วนตัว ผ่านศูนย์กลางที่เป็นรถยนต์

ในขณะที่ระบบปฏิบัติการ Microsoft Azure ที่ทำงานผ่านระบบคลาวน์ จะทำให้ทั้งเรโนลต์และนิสสันสามารถนำเสนอรูปแบบของการให้บริการลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นด้วย ข้อเด่นของระดับของการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดตามมาตรฐานของไมโครซอพต์ ระบบปฏิบัติการ Azure ยังสนับสนุนระบบปฏิบัติการในโปรแกรมอีกหลายภาษาผ่านเครื่องมือต่างๆ ที่มีความยืดหยุ่น พร้อมเสนอทางเลือกในการสร้างแพลตฟอร์มร่วมกันเฉพาะสำหรับทั้งเรโนลต์และนิสสันเพื่อปรับแต่งการบริการให้กับทั้งสองแบรนด์พันธมิตรอีกด้วย

นายฌองน์-ฟิลิปเป กูร์ตัว รองประธานบริหารและ ประธานบริษัท ไมโครซอฟท์ โกลบอล เซลส์และมาเก็ต กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันรูปแบบของการเชื่อมต่อยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญของการพัฒนาและสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการใช้รถยนต์ได้อย่างรวดเร็ว การพัฒนาร่วมกันของเรโนลต์-นิสสันและไมโครซอฟต์ จะนำประสบการณ์ใหม่ๆมาสู่ลูกค้าของทั้งเรโนลต์และนิสสัน รวมถึงมาตรฐานใหม่ในการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ"

ด้วยความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาในรูปแบบของอินโฟเทนเมนต์ (Infotainment) ที่ดีที่สุดรวมถึงการให้บริการบนพื้นฐานของสถานที่ อาทิ ลูกค้าสามารถปรับแต่งและวางระบบป้องกันการตั้งค่าต่างๆ, ลูกค้าสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของพวกเขาได้อย่างปลอดภัย รวมถึงมีตัวเลือกในการถ่ายโอนการตั้งค่าจากรถคันนึงไปสู่คันอื่นๆ หรือเลือกที่จะไม่ให้มีการถ่ายโอนข้อมูลก็ได้ ด้วยการเพิ่มข้อมูลจากการใช้รถแบบรวมศูนย์ การขับขี่ต่างๆจะมีความเป็นส่วนบุคคลมากขึ้นและช่วยสำหรับให้คำแนะนำในเส้นทางและระบบนำทางขั้นสูงอีกด้วย

ความร่วมมือกับไมดครซอฟท์ทำให้ ทั้งเรโนลต์และนิสสันจะขยายขอบเขตของการพัฒนาเข้าไปในสู่ฟังก์ชันของรถ เปลี่ยนการเดินทางทุกวันเป็นประสบการณ์ดีๆอย่างต่อเนื่องรวมถึงบูรณาการประสบการณ์บนโลกดิจิตอลไม่ว่าจะอยู่ในที่ต่างหรือระหว่างการใช้รถ

ลูกค้าจะสามารถอัพโหลด ดาวน์โหลดหรืออัพเดตข้อมูลต่างๆตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น ระบบซอฟต์แวร์ของการขับเคลื่อนระบบขับขี่อัจฉริยะอัตโนมัติ (Autonomous Drive Software) หรือแอพพลิเคชันที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกันตัวล่าสุด

ลูกค้าจะสามารถตรวจสอบและสื่อสารในกำหนดการต่างๆหรือแจ้งเตือนเพื่อการปรับเปลี่ยนแผนการเดินทาง นอกจากนี้ยังสามารถใช้การชำระเงินแบบอัตโนมัติในการใช้ทางพิเศษหรือโทลเวย์ต่างๆ รวมไปถึงชำระค่าที่จอดรถได้ภายในรถ

เจ้าของรถยนต์สามารถตรวจสอบรถของตัวเองได้ผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารต่างเช่น สมาร์ทโฟน และยังถ่ายโอนการควบคุมไปยังเพื่อนหรือญาติที่ต้องการใช้รถของพวกเขา โดยไม่ต้องมีการเข้าถึงรถยนต์คันจริง พวกเขาจะใช้แอพพลิเคชันที่ช่วยให้พวกเขาทราบถึงตำแหน่งที่อยู่ของรถ หรือการล็อคและปลดล็อครถคันนั้นๆได้

ซอฟต์แวร์ติดตามรถที่ถูกขโมย สามารถปิดระบบต่างๆขณะใช้งาน รวมถึงเทคโนโลยี "Geofencing" ที่จะสร้างรั้วที่มองไม่เห็นรอบๆ รถคันนั้นขณะเคลื่อนที่ เข้าหรือออกจากพื้นที่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าหรือแนวเส้นทาง

ด้วยการเพิ่มจำนวนของการเชื่อมต่อ ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงบริการตรวจสอบวินิจฉัยอย่างทันที ที่จะช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์มอบการบริการและการแก้ปัญหาทางเทคนิคต่างๆ รวมถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานจริง ในการปรับปรุงคุณภาพการออกแบบ วิจัยและผลิตรถยนต์ เป็นต้น