posttoday

หวั่นฟองสบู่ตลาดหุ้นโลก

17 กุมภาพันธ์ 2560

ทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่เคลื่อนไหวในแดนบวกเหตุได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และข้อมูลศก.ที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

ทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่เคลื่อนไหว ในแดนบวกช่วงที่ผ่านมานี้ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ได้ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลกปิดทำนิวไฮเช่นกัน

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา โดยนโยบายเศรษฐกิจของผู้นำสหรัฐคาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจภายในประเทศขยายตัว ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลก เช่น เศรษฐกิจจีน ญี่ปุ่น และประเทศยูโรโซนส่งสัญญาณฟื้นตัวด้วยเช่นกัน

เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเดือน ม.ค. เทียบรายเดือน หลังปรับขึ้น 0.3% ในเดือน ธ.ค.ขยายตัวมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี อีกทั้งเมื่อเทียบรายปี ซีพีไอปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือน ม.ค. จากที่ขยายตัว 2.1% เมื่อเดือน ธ.ค. ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2012 เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาเชื้อเพลิงปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.8% คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของดัชนี

ในวันเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ม.ค. โดยได้แรงหนุนจากการซื้อเครื่องใช้และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงการที่ภาคครัวเรือนจับจ่ายใช้สอยนอกบ้านมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลดังกล่าวประกอบการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของ เจเน็ต เยลเลน ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระหว่างแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 14-15 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่งผลให้เมื่อคืนวันที่ 15 ก.พ. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 107.45 จุด ปิดที่ 20,611.86 จุด เช่นเดียวกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 2,349.25 จุด ซึ่งเป็นการปิดตลาดที่ระดับนิวไฮ ล่าสุดของทั้งสองดัชนี โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดในแดนบวกติดต่อกัน 7 วันทำการ

นอกเหนือจากตลาดหุ้นสหรัฐแล้ว ดัชนีสต็อกซ์ ยุโรป 600 ปรับขึ้น 0.3% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2015 ระหว่างการซื้อขายเมื่อคืนวันที่ 15 ก.พ.

ทิศทางบวกดังกล่าวยังดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 16 ก.พ. โดยดัชนีฟุตซี ออล-เวิลด์ อินเด็กซ์ ซึ่งมีสัดส่วนหุ้นสหรัฐอยู่ในดัชนีถึง 50% พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2015 โดยดัชนีดังกล่าวปรับขึ้นมาแล้ว 8.1% นับตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ขณะที่ดัชนีเอ็มเอสซีไอ เอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับขึ้น 0.2% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีระหว่างการซื้อขายด้วยเช่นกัน

วิตกฟองสบู่ตลาดหุ้น
     
แม้เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐ จะช่วยหนุนตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนไหวแดนบวกอย่างต่อเนื่อง แต่นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าทิศทางดังกล่าวอาจก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ขึ้นในตลาดหุ้น
     
"ไม่มีสินทรัพย์ราคาถูกอีกต่อไป และสินทรัพย์เสี่ยงจำนวนมากกำลังมีราคาแพงขึ้นอย่างสุดขีด" เดวิด โรเซนเบิร์ก นักกลยุทธ์จากบริษัทบริหารจัดการความมั่งคั่ง กลัสกิน เชฟฟ์ ในแคนาดากล่าว พร้อมเสริมว่า มูลค่าของตลาดหุ้นในขณะนี้อยู่เหนือค่าเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา

ด้าน อเล็ก หว่อง ผู้อำนวยการบริษัทให้บริการทางการเงิน แอมเพิล ไฟแนนซ์ กรุ๊ป ในฮ่องกง เปิดเผยว่า เมื่อพิจารณาจากมุมมองเชิงเทคนิค ตลาดหุ้นจำนวนมากมีมูลค่าสูงเกินจริงเล็กน้อย หลังทำนิวไฮติดต่อกันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหว่องยกตัวอย่างดัชนีเอ็มเอสซีไอ เอเชีย นอกตลาดหุ้นญี่ปุ่น มีการซื้อขายมากเกินไปสูงที่สุดในขณะนี้นับตั้งแต่ปี 2015 และมองว่าขณะนี้นักลงทุนจำนวนมากกำลังเก็งกำไรในตลาดหุ้น

รอยเตอร์สเปิดเผยว่า สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มเกิดขึ้นในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน โดยค่าเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเข้าไปซื้อขายเก็งกำไร

รายงานระบุว่า ดัชนีดอลลาร์ อินเด็กซ์ ที่วัดการเคลื่อนไหวของค่าเงินเหรียญสหรัฐเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักทั่วโลก ปรับตัวลงแตะระดับ 100.92 จุด ระหว่างการซื้อขายในวันที่ 16 ก.พ. หลังพุ่งขึ้นแตะ 101.76 จุด ซึ่งสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อวันก่อนหน้านี้

"ยอดค้าปลีกสหรัฐที่ขยายตัวดูเหมือนได้แรงหนุนจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น มากกว่าจะมาจากการบริโภคที่แท้จริงปรับตัวขึ้น และนักลงทุนฉวยโอกาสเก็งกำไรค่าเงินเหรียญสหรัฐที่อยู่ในช่วงขาขึ้น" ชิน คาโดตะ นักกลยุทธ์ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารบาร์เคลย์ กล่าว